02 149 5555 ถึง 60

 

ติดตามเสี่ยงฆ่าตัวตายน้ำท่วม 22 ราย เหลือเครียดสูง 3 ราย ไม่มีความคิดทำร้ายตัวเอง

ติดตามเสี่ยงฆ่าตัวตายน้ำท่วม 22 ราย เหลือเครียดสูง 3 ราย ไม่มีความคิดทำร้ายตัวเอง

อธิบดีกรมสุขภาพจิต เผยผลคัดกรองจิตใจช่วงน้ำท่วม 2.1 หมื่นราย เครียดมาก 776 ราย ซึมเศร้า 89 ราย เสี่ยงฆ่าตัวตาย 22 ราย ติดตามประเมินซ้ำไม่เหลือคนคิดฆ่าตัวตาย แต่ยังเครียดสูง 3 คน เร่งติดตามดูแลต่อเนื่อง พร้อมแนะวิธีจัดการความเครียดของตนเองและในเด็ก

วันนี้ (18 ก.ย.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลจิตใจประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม หลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สั่งการให้ประจำในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และต้องดูแลผู้มีความเสี่ยงฆ่าตัวตายทุกราย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่ดีขึ้น ว่า สถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้ หลายพื้นที่ได้รับผลกระทบ มีแนวโน้มที่น้ำจะท่วมยาวนาน บ้านเรือนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ข้าวของเครื่องใช้เสียหายและสูญหาย ทำให้ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของประชาชนอาจเกิดสภาวะเครียด วิตกกังวล และมีปัญหาสุขภาพจิตตามมา กรมฯ ได้ส่งทีมสุขภาพจิตเอ็มแคท ลงพื้นที่ให้การดูแลสภาพจิตใจอย่างต่อเนื่อง โดยลงพื้นที่แล้วทั้งหมด 42 ทีม ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. – 15 ก.ย. 2562 รวม 14 จังหวัด ได้แก่ น่าน แม่ฮ่องสอน พิษณุโลก อุตรดิตถ์ พิจิตร ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ขอนแก่น สกลนคร อำนาจเจริญ ยโสธร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และมุกดาหาร โดยช่วยเหลือเยียวยาจิตใจประชาชน ปฐมพยาบาลทางใจ ให้คำแนะนำเรื่องการสังเกตอาการผิดปกติทางสุขภาพจิต กิจกรรมผ่อนคลายความเครียด คัดกรองปัญหาสุขภาพจิตเบื้องต้น ในประเด็นเครียด เสี่ยงซึมเศร้าฆ่าตัวตาย และให้การวินิจฉัยและรักษา

นพ.เกียารติภูมิ กล่าวว่า ผลการให้บริการสุขภาพจิต มีจำนวนผู้ประสบภัยเข้ารับการประเมินคัดกรองภาวะสุขภาพจิต รวม 21,442 ราย พบเครียดมาก 776 ราย ซึมเศร้า 89 ราย ต้องติดตามดูแลเป็นพิเศษ 193 ราย และเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย 22 ราย ได้มีการติดตามประเมินซ้ำ พบว่า ไม่มีความคิดที่จะทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายทั้งหมด แต่ยังมีความเครียดสูงจำนวน 3 ราย ซึ่งในรายที่มีปัญหาสุขภาพจิตรุนแรง จะส่งต่อให้พบแพทย์ในโรงพยาบาลใกล้บ้าน และออกหน่วยติดตามเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง ในรอบ 1 เดือน 3 เดือน และ 6 เดือน หรือจนกว่าจะหมดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า เมื่อพบสถานการณ์วิกฤตในชีวิต ความเครียดสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ซึ่งแต่ละคนจะมีระดับความเครียดแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวิธีจัดการและปรับตัวกับความเครียด สำหรับการจัดการความเครียดมีข้อแนะนำ 9 วิธี คือ 1. สังเกตความผิดปกติของร่างกาย จิตใจ และพฤติกรรมเวลาที่มีความเครียด 2.ทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น ออกกำลังกาย เล่นกีฬา ท่องเที่ยว สังสรรค์ ทำบุญ เล่นดนตรี เป็นต้น 3.ฝึกทักษะ เช่น การสื่อสาร การสร้างสัมพันธภาพ การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ 4.ชวนพูดคุย ระบายความรู้สึก ความทุกข์ในจิตใจ ผู้ฟังรับฟังอย่างตั้งใจและให้กำลังใจกัน 5. ผ่อนคลายความเครียดด้วยวิธีที่คุ้นเคย เช่น คลายกล้ามเนื้อ ฝึกหายใจ ทำสมาธิ 6.หาวิธีแก้ปัญหา หากรู้ว่าเครียดจากปัญหาใด ให้พยายามหาวิธีแก้ไขปัญหานั้น 7. คิดบวก ปรับเปลี่ยนความคิด ทัศนคติ มุมมองจากแง่ลบเป็นแง่บวก 8. สร้างบรรยากาศ จัดสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวให้สบายตาเป็นระเบียบ น่าอยู่ และ 9. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือโทร.สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง

"ช่งงน้ำท่วมความเครียดที่เกิดขึ้นในเด็กควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ พ่อแม่ผู้ปกครองสังเกตได้จากอาการและพฤติกรรม ซึ่งอาจจะมีอาการปวดศีรษะ ปวดท้อง หลับยาก สมาธิสั้น โกรธง่าย หงุดหงิด ก้าวร้าว ขอให้พ่อแม่ปฏิบัติตาม 6 ข้อแนะนำเพื่อลดความเครียดในเด็ก คือ 1. เปิดโอกาสให้เด็กพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและถามคำถามกับผู้ปกครอง 2. อธิบายให้เด็กเข้าใจสถานการณ์ด้วยคำพูดที่ง่าย 3. เปิดโอกาสให้เด็กได้พูดถึงความรู้สึกของตัวเอง ความกลัว ความวิตกกังวลต่างๆ โดยให้เด็กทราบว่า การมีความรู้สึกแย่ๆ ในช่วงประสบภัยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และการระบายให้คนรอบข้างฟังเป็นเรื่องที่ดี 4. พูดคุยเกี่ยวกับแผนฉุกเฉินของครอบครัว หน้าที่ของแต่ละคนในครอบครัว ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือภัยพิบัติต่างๆ ในอนาคต 5. ระมัดระวังการกล่าวโทษว่า เป็นความผิดของใครคนใดคนหนึ่ง พยายามให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และ 6. ให้เด็กพยายามมองหาข้อดีที่มีอยู่ในสถานการณ์วิกฤต เช่น คนที่เป็นฮีโร่ช่วยเหลือผู้อื่น ครอบครัวที่เข้มแข็ง การมีน้ำใจของชุมชนที่ช่วยเหลือกัน เป็นต้น" อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว

19 September 2562

ที่มา ผู้จัดการ ออนไลน์

Posted By Nitayaporn/Thongpet/Kanchana

Views, 1299

 

Preset Colors