02 149 5555 ถึง 60

 

5 คนดังคิดบวก โรคซึมเศร้า...ทำไมต้องฆ่าตัวตาย!?

5 คนดังคิดบวก โรคซึมเศร้า...ทำไมต้องฆ่าตัวตาย!?

เผยแพร่: 19 ก.ย. 2561 09:55 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

โรคซึมเศร้าเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การสูญเสียคนที่รัก การหย่าร้าง ความผิดหวัง และเกิดได้เองโดยไม่มีสาเหตุใดๆ ปัจจุบันมักจะเห็นข่าวคนดังทั้งเซเลบหรือนักแสดง ชาวไทยและชาวต่างชาติ เลือกปลิดชีพตัวเองเพื่อหลีกหนีปัญหาที่ได้พบเจอ จนเป็นข่าวเศร้าสะเทือนใจ

วันนี้ Celeb Online ขอพาผู้อ่านไปฟังวิธีแก้ปัญหาในชีวิตของเหล่าเซเลบ ที่เห็นว่าเขาใช้ชีวิตเริ่ดหรูในวงสังคม หากแต่อีกแง่มุมหนึ่งก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป คือพบกับเรื่องราวสุดหินในชีวิต แต่เขาเหล่านั้นจะหาทางออกได้อย่างไร ลองติดตามกัน

เริ่มที่สาวโปรไฟล์เริ่ด แพร-พัณณิตา ส. สนิทวงศ์ ณ อยุธยา บอกว่า ทุกครั้งที่เห็นข่าวมีคนฆ่าตัวตายนั้น เธอรู้สึกเศร้าสลดใจทุกครั้ง ความจริงถ้าเราตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า ไม่ควรอายที่จะไปพบจิตแพทย์ เพื่อให้เขาหาวิธีบำบัดให้ดีขึ้น เพราะทุกคนล้วนเกิดมาพร้อมปัญหาทั้งนั้น ไม่มีใครมีชีวิตที่สวยหรูดั่งในเทพนิยาย อยู่ที่ใครจะมีปัญหามากหรือน้อย แต่เมื่อมีปัญหาแล้วก็ต้องพร้อมเผชิญอย่างมีสติ อีกหนึ่งกำลังใจที่สำคัญคือคนในครอบครัว

“แพรว่าไม่มีใครหวังดีกับเราเท่ากับพ่อแม่ สำหรับแพรอาจไม่มีปัญหาชีวิตที่หนักหน่วงจนถึงคิดจะฆ่าตัวตาย แต่ถ้าแพรมีปัญหาหลักการแก้ปัญหาง่ายๆ คืออยู่คนเดียว พิจารณาปัญหาว่ามีแนวทางแก้ไขอย่างไร แต่ถ้ายังคิดไม่ตกต้องปรึกษาพ่อกับแม่ เพราะเป็นคนที่เรารักและไว้ใจที่สุด”

ส่วนว่าที่เจ้าสาวแสนสวย เอ็ม-ศิรประภา จีระพันธุ บอกว่า มนุษย์ล้วนเกิดมาแล้วก็ต้องมีปัญหา แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำร้ายตัวเอง ต้องนึกถึงพ่อแม่และคนที่รักเราว่าเขาจะเสียใจมากแค่ไหน ถ้ามีปัญหาหนักๆ ที่คิดไม่ตก ลองระบายให้ใครสักคนฟัง อย่างน้อยก็เพื่อบอกตัวเองว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ แต่ถ้าเครียดเพราะเจ็บป่วยจากปัญหาสุขภาพเรื้อรัง ก็ควรปรึกษาแพทย์

ถึงแม้ว่าตัวเองไม่เคยประสบปัญหาชีวิตที่หนัก แต่คนใกล้ชิดที่รู้จักกันนั้นมีความเครียดสะสมจนเกือบเป็นโรคซึมเศร้า เธอจึงให้คำแนะนำไปว่ามีปัญหาทุกข์ใจอะไรก็เล่าให้เธอฟังได้ ถึงแม้ว่าบางปัญหาอาจช่วยอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยว แต่สุดท้ายแล้วในชีวิตทุกคนก็ไม่มีใครอยู่กับเราได้ตลอดเวลา การมองโลกในแง่ดีและการทำบุญทำทานจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นเอง

“เวลาที่เอ็มรู้สึกเครียดคิดไม่ตกก็มักจะไปทำบุญที่วัด และที่สถานสงเคราะห์เด็กผู้พิการซ้ำซ้อนที่ถูกทอดทิ้ง ซึ่งทำให้เรารู้สึกรักพ่อแม่ขอบคุณที่เลี้ยงดูเราจนเติบโต เด็กๆ เหล่านี้น่าสงสารกว่าเราแต่ทำไมเขาถึงมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข แล้วทำไมเรามีร่างกายครบ 32 ประการ มีครอบครัวที่อบอุ่นแล้วเราจะทุกข์ใจไปทำไม”

ขณะที่ ป๊อบ-วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ บอกว่า “มนุษย์เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมอ ดังนั้น เมื่อมีทุกข์ก็ให้นึกถึงตอนมีความสุข และความสุขที่รออยู่เบื้องหน้า และในยามที่เราสุขก็ขอให้นึกถึงทุกข์ที่อาจตามมา พูดง่ายๆ คือเราต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่สุดโต่ง สำคัญมากเลยคือการมองปัญหาที่เกิดขึ้นในทางบวก เช่น เมื่อเราถูกเลิกจ้างงานก็ให้คิดว่าจะได้พักผ่อนอยู่กับตัวเอง หรือถ้าถูกแฟนทิ้งก็ให้คิดว่าขนาดตัวเรายังไม่เป็นเจ้าของตัวเองเลย แล้วเราจะไปเป็นเจ้าของคนอื่นได้อย่างไร ทุกอย่างเมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับพี่ สิ่งแรกที่ทำคือตั้งสติ ใช้อริยสัจ 4 มาดับทุกข์คือ ต้องหาสาเหตุของความทุกข์ให้เจอ แล้วหาหนทางแก้ จากนั้นลงมือแก้ปัญหาอย่างมีสติ ทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”

ด้าน แพม-อณิชา อรรถสกุลชัย ที่เห็นเป็นสาวสังคมเริ่ดหรู แต่อีกมุมหนึ่งเธอต้องต่อสู้กับโรค PMDD คือมีอาการรุนแรงก่อนมีประจำเดือน ทั้งเครียด ซึมเศร้า หดหู่ ซึ่งแม้ไม่ได้เป็นโรคร้าย แต่กวนใจเธออย่างยิ่ง

“แพมตรวจพบว่าตัวเองเป็นโรคนี้เมื่อหลายปีก่อน เพราะช่วงวันนั้นของเดือนจะรู้สึกอารมณ์แปรปรวนอย่างหนัก คือเศร้าก็เศร้าหนักมาก แค่ฟังเรื่องเศร้าหรือดูละครที่เศร้าก็ร้องไห้แล้ว ตอนแรกก็ไม่สงสัยแต่พอสังเกตตัวเองทุกเดือนจึงไปพบหมอ และหมอก็บอกว่าป่วยเป็นโรค PMDD ต้องได้รับยาเพื่อมารักษา และการบำบัดที่ดีที่สุดคืออยู่กับเพื่อนที่ทำให้เรามีความสุขตลอดเวลา เล่นกับหลาน หรือไม่ก็เล่นโยคะ มันจะช่วยบรรเทาความเครียดในช่วงวันนั้นของเดือนได้ค่ะ”

พร้อมฝากถึงคนที่มีปัญหาชีวิตว่า “ถ้าเครียดระดับต้นๆ อาจพูดคุยกับเพื่อนหรือคนในครอบครัว แต่ถ้าเครียดมากต้องไม่อายที่จะไปปรึกษาจิตแพทย์เพื่อรับยามาบำบัดค่ะ”

ปิดท้ายที่ เซเลบสาวที่ต่อสู้กับมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจนหายขาด อย่าง แอ้-นริศรา อมรวิวัฒน์ ที่ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ในขณะที่ชีวิตของเธอกำลังรุ่งโรจน์ แต่แล้วก็ต้องโซเซเมื่อตรวจพบว่าป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 3 แต่ด้วยพลังรักจากคนรอบข้างและตั้งเป้าว่าจะต้องหาย สุดท้ายเธอก็บรรลุเป้าหมายนั้น

“ตอนตรวจพบถึงกับช็อก แต่เมื่อมองไปที่สามี คุณพ่อคุณแม่ มันทำให้ฮึดสู้และตั้งเป้าไว้ว่าต้องหาย เราจะยอมรับในการรักษาของแพทย์ทุกวิถีทาง ตอนนั้นเป็นช่วงที่แย่มาก ต้องให้คีโมหลายครั้งและได้รับผลกระทบอย่างมาก แต่ก็ไม่เคยท้อ เพราะยังมีคนที่เขารักเราอยู่ข้างกายและพร้อมที่จะเดินไปกับเรา จึงทำให้ต่อสู้จนหายเป็นปกติ”

แอ้ยอมรับว่าช่วงที่รักษาด้วยเคมีบำบัดนั้น เธอเครียดและทุกข์ทรมานมาก แต่เธอใช้สติและสร้างพลังใจให้กับตัวเอง ทุกอย่างจึงผ่านพ้นไปด้วยดี

“สิ่งสำคัญที่ทำให้ผ่านวิกฤติในชีวิตมาได้คือ 1.ต้องสร้างกำลังใจว่าต้องหาย และมีชีวิตอยู่เพื่อคนที่เรารักและรักเรา 2.ต้องมองแต่ด้านดีของโรคนี้ เช่นเราเป็นมะเร็งชนิดนี้ต้องมีสิทธิ์รักษาหาย การอยู่ในห้องปลอดเชื้อทำให้เรามีสติและมีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น และเมื่อต้องเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกก็ยังมีคนยินดีช่วยเรา ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้โดดเดี่ยว”

พร้อมฝากคำแนะนำต่ออีกว่า “เวลาที่ประสบปัญหาแอ้จะมองคนที่แย่กว่าเรา จะไม่เปรียบกับคนที่ดีกว่า เช่นเมื่อเราป่วยเป็นมะเร็งในวัยที่ยังสามารถทำอะไรต่างๆ ได้ ก็จะไม่คิดว่าเราอ่อนแอกว่าคนวัยเดียวกัน แอ้ชอบเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่ง เขาพิการไร้แขนและขา แต่เขาไม่เคยท้อสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติ ทั้งออกกำลังกาย เล่นกีฬา หรือไปไหนมาไหน จนทุกวันนี้เป็นนักเขียนผู้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนทั้งโลก แอ้อยากจะแนะนำว่าเวลาที่จิตใจเราอ่อนแอ อยากให้มองว่าเรายังโชคดีกว่าใครอีกหลายคน ที่เขาแย่กว่าเรา ทุกชีวิตมีคุณค่าเราต้องรักตัวเองและคนที่เขารักเราให้มากๆ แล้วปัญหาทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีเสมอ” หญิงพลังบวกแนะแนวทางในการใช้ชีวิต

19 September 2561

ที่มา ผู้จัดการ ออนไลน์

Posted By ์์Nitayaporn/Bungon/Thongpet/Kanchana

Views, 3227

 

Preset Colors