เย็นศิระเพราะพระบริบาล ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กรมสุขภาพจิต
กระทรวงสาธารณสุข ประกาศเจตนารมณ์ นโยบายไม่รับของขวัญและของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ (No Gift Policy) 2566
นายอนุทิน ชาญวีรกูล มีนโยบาย งดการให้และรับของขวัญและของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่
ดร.สาธิต ปิตุเตชะ มีนโยบาย งดการให้และรับของขวัญและของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ มีนโยบาย งดการให้และรับของขวัญและของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่
กรมสุขภาพจิต มีนโยบายงดการให้และรับของขวัญและของกำนัลทุกชนิด
สาร THC ในกัญชาอาจทำให้เกิดอาการทางจิตได้
สุขภาพจิตนี้ขายไม่ได้ แม้แต่ให้ก็ยาก แต่ว่าจะต้องเพาะ
ข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต
“ฝันกลางวัน” โรคอันตรายที่หอมหวานและน่าหลงใหล
“ฝันกลางวัน” โรคอันตรายที่หอมหวานและน่าหลงใหล
ถ้าพูดถึงการ “ฝันกลางวัน” หลายคนคงนึกถึงการใจลอย คิดเพ้อฝันไปเหมือนนางเอกในนิยาย และเชื่อว่าคงมีหลายคนที่มีอาการเดียวกันนี้ และคงมีไม่น้อยที่คิดว่ามันคือเรื่องปกติ
แต่หากว่าการฝันกลางวันนี้มันเกิดขึ้นบ่อยเกินไป ก็อาจเข้าข่าย “โรคฝันกลางวัน (Maladaptive Daydreaming)” โรคที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตไม่ต่างจากโรคซึมเศร้าเลยทีเดียว
เจย์น บีเกลเซน (Jayne Bigelsen) นักวิจัยสาวชาวอเมริกัน เธอได้ศึกษาเกี่ยวกับโรคนี้มานาน เพราะเธอเองก็เคยประสบกับโรคนี้มาด้วยตัวเอง
เธอเล่าว่าตั้งแต่ 8 ขวบ ทุกครั้งที่มีเวลาว่างเธอจะเริ่มจินตนาการถึงซีรีส์ต่างๆ ที่เธอชอบ แต่แทนที่เธอจะรอดูตอนต่อไปในโทรทัศน์ เธอกลับสร้างตอนใหม่ขึ้นมาในหัว เธอบอกว่าภาพในหัวเธอนั้นมันชัดเจนมากราวกับกำลังนั่งดูซีรีส์จริงๆ แถมบางครั้งมันยังสนุกกว่าเรื่องต้นฉบับอีกด้วย
เธอกล่าวว่าทุกครั้งที่เธอมีอาการฝันกลางวันนี้ เธอจะเดินวนไปวนมา หรือกำบางอย่างไว้ในมือเพราะมันทำให้มีสมาธิและภาพชัดขึ้น เจย์นดำเนินชีวิตไปแบบปกติ เธอรู้ตัวตลอดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวเธอนั้นมันคือความฝันที่ไม่ได้เป็นจริง แต่เธอก็ยังคงหลงใหลที่จะฝันกลางวันแบบนี้ต่อไป
จนขึ้นไฮสกูล เธอเริ่มรู้สึกใช้ชีวิตลำบากขึ้น เพราะไม่ว่าจะทำอะไร โลกความจริงและโลกจินตนาการก็มักจะเชื่อมโยงเข้าหากันโดยที่เธอควบคุมไม่ได้ เธอเล่าว่าเธอเคยนั่งน้ำตาไหลในห้องเรียนเพราะเรื่องในจินตนาการของเธอดำเนินไปถึงจุดดรามา เจย์นพยายามปรึกษาพ่อแม่ที่เป็นหมอแต่ก็ไม่ช่วยอะไร จนเมื่อเริ่มมีอินเทอร์เน็ตเธอก็พบว่าบนโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่เธอที่กำลังประสบปัญหาฝันกลางวัน
เจย์นพยายามหาว่าสิ่งที่เธอเป็นมันคืออะไร แต่เพราะในทางการแพทย์ยังไม่มีการวิจัยไว้อย่างชัดเจนด้วยความที่เป็นโรคที่ค่อนข้างใหม่ เธอตระเวนเข้ารับการบำบัดอยู่นานจนเธอพบว่ามียาชนิดหนึ่งสามารถช่วยบรรเทาอาการของเธอได้
เจย์นค้นพบว่า การแชร์ประสบการณ์กันระหว่างผู้ที่เป็นโรคฝันกลางวัน เป็นเหมือน “ยาที่ดีที่สุด” และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอเผยแพร่เรื่องราวของตนเอง แม้ว่าโรคฝันกลางวันนี้จะเป็นโรคใหม่ แต่ปัจจุบันก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทำให้มีการรวบรวมข้อมูลที่มาที่ไป อาการ รวมถึงการรักษาเบื้องต้นของโรคนี้ไว้ด้วย
ลองมาดูกันว่าคุณมีอาการที่บ่งชี้ถึงการเสี่ยงเป็นโรคนี้หรือไม่
1.ใจลอยเป็นงานประจำ แม้ว่าการใจลอยจะเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็เป็น แต่หากคุณใจลอยบ่อยและนานจนกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณ นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนก็เป็นได้
2.ความรุนแรงในวัยเด็ก การเคยเจอความรุนแรงในวัยเด็ก เช่น การถูกทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ อาจทำให้คุณสร้างโลกอีกใบขึ้นมาเพื่อหลบหนีจากความเจ็บปวดนั้น
3.ย้ำคิดย้ำทำ พฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำมักจะเกิดขึ้นเมื่อคุณกำลังอยู่ในโลกจินตนาการ ทั้งการเดินวนไปมา โยนของ หรือหมุนสิ่งที่อยู่ใกล้มือ
4.ภาพคมชัดระดับ HD ผู้ที่เป็นโรคฝันกลางวันมักจะเห็นภาพในหัวชัดเจนจนน่าตกใจ บางครั้งก็จมอยู่กับมันได้นานหลายนาที บางคนถึงขั้นหลายชั่วโมง ราวกับคุณกำลังนั่งดูหนังอยู่ในโรงภาพยนตร์
5.เพ้อฝัน ไม่ถึงขั้นบ้า แม้ว่าคุณจะหลงใหลการฝันกลางวันมากเพียงใด แต่คุณก็มีสติรู้ตัวอยู่เสมอว่ามันคือความฝัน แต่คุณกลับไม่สามารถหยุดคิดถึงมันได้เลย
วิธีป้องกัน และบรรเทาอาการฝันกลางวันเหล่านี้ นอกจากยาแล้วคุณยังสามารถใช้วิธีอื่นๆ ช่วยได้อีกด้วย
1.จดบันทึก ถือเป็นวิธียอดฮิตเลยก็ว่าได้ เพราะการกลั่นกรองสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาเป็นตัวอักษร มันทำให้คุณมีสมาธิมากขึ้น
2.ใช้ประโยชน์จากมันซะ การฝันกลางวันกำลังบอกว่าคุณมีจินตนาการที่ดีมาก (อาจจะมากเกินไป) ก็นำสิ่งเพ้อฝันนั้นมาใช้งานเสียเลย ถ้าคุณชอบขีดๆ เขียนๆ ล่ะก็คงได้พล็อตดีๆ มากมายเชียวล่ะ
3.หลีกเลี่ยงสิ่งเร้า ถ้าคุณรู้ตัวว่าอะไรที่กระตุ้นให้คุณเดินเข้าไปสู่โลกของจินตนาการ ก็เลี่ยงมัน หรือคิดถึงเรื่องน่ากลัวที่ทำให้คุณไม่อยากจินตนาการต่อ
4.อย่าว่างเกินไป หากคุณไม่มีเป้าหมาย หรือสิ่งที่อยากทำ หัวคุณจะว่างและจะทำให้คุณหลุดเข้าไปในโลกความฝัน ดังนั้นคุณจึงความสร้างเป้าหมาย อย่างน้อยก็เป้าหมายในแต่ละวัน
5.หาพรรคพวกในออนไลน์ คุณจะได้พบคนที่มีอาการเดียวกันกับคุณ การได้แลกเปลี่ยนความคิดของคนที่มีหัวอกเดียวกันจะทำให้คุณรู้ว่าคุณไม่ได้กำลังเผชิญปัญหานี้คนเดียว
6.ปรึกษาจิตแพทย์ หากคุณคิดว่าอาการมันเริ่มหนักจนทนไม่ไหวแล้วก็ควรเข้าพบจิตแพทย์ เพื่อหาทางออกที่ดีต่อไป
7 มีนาคม 2562
ที่มา ผู้จัดการ ออนไลน์
Posted By ์์Nitayaporn/Bungon/Thongpet/Kanchana
Views, 23645