02 149 5555 ถึง 60

 

SHA รพ.มาตรฐาน เพื่อจิตวิญญาณคนทำงาน

‘SHA’ รพ.มาตรฐาน เพื่อจิตวิญญาณคนทำงาน

“โรงพยาบาล (รพ.) ที่ได้มาตรฐานเอชเอ (HA) ซึ่งเป็นมาตรฐานคุณภาพของ รพ. นอกจากได้ความน่าเชื่อถือแล้ว ยังเกิดประโยชน์กับประชาชนโดยตรง เพราะเมื่อ รพ.ที่มีการพัฒนามาตรฐานไปเรื่อยๆ ก็จะช่วยให้ประชาชนอุ่นใจมากขึ้นว่า รพ.มีการวางกระบวนงานที่ดี จนนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการบริการที่ดี และ รพ.ที่มีการพัฒนามาตรฐานของ HA อย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ยกระดับคุณภาพของ รพ.ไปเรื่อยๆ ประชาชนก็อุ่นใจว่าระบบงานที่วางไว้ดี คุณภาพการบริการต่างๆ ก็จะดีตามŽ” นพ.กิตตินันท์ อนรรฆมณี ผู้อำนวยการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือ สรพ. กล่าวขึ้นภายในงานประชุมวิชาการประจำปี ครั้งที่ 20 ของสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) ที่อิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆ นี้

เมื่อพัฒนาเอชเอไประดับหนึ่ง ก็จะนำไปสู่การพัฒนามาตรฐานที่เรียกว่า Spiritual Healthcare Appreciation (SHA) ซึ่งหมายความว่า เมื่อเราทำงานเรื่องพัฒนาคุณภาพไประยะหนึ่ง เราจะเห็นความสำคัญมากของเรื่องจิตวิญญาณ เพราะในเรื่องการบริการสุขภาพเป็นเรื่องหนักมาก และคนที่ทำงานอยู่ หากไม่มีขวัญกำลังใจว่างานที่เราทำมากๆ แล้วตอบไม่ได้ว่าทำไปเพื่อใคร เมื่อทำไประยะหนึ่งเราก็จะหมดแรง เราก็หยุดการพัฒนาไป แต่สิ่งที่เราเรียนรู้มา คือ หากเรานำแนวคิดของ SHA ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือคุณภาพของ HA หากนำมาผสมกัน เราพบว่าทำให้ขวัญกำลังใจของบุคลากรที่ทำงานดีขึ้น เพราะเขาเริ่มได้คำตอบว่า คุณค่าที่เกิดจากการทำงานไม่ได้มาจากชื่อเสียงเงินทองเท่านั้น แต่ยังทำให้จิตใจได้ยกระดับ พัฒนาขึ้น

หลายคนคิดว่าการทำงานใน รพ.เหมือนการทำบุญ ไม่ต้องไปวัดที่ไหน หากเราทำงานในหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ โดยใส่มิติ SHA เข้าไปก็จะทำให้เรามีพลัง แม้งานที่เราทำจะเหนื่อยยากแค่ไหนก็ตาม เพราะเรามีความสุขในการทำงาน

เมื่อถามว่า การพัฒนามาตรฐานตรงนี้จะช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์อยู่ในระบบมากขึ้นด้วยหรือไม่ นพ.กิตตินันท์กล่าวว่า จริงๆ ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ SHA ไม่จำเป็นต้องใช้แค่ รพ.ภาครัฐเท่านั้น จริงๆ มี รพ.เอกชนจำนวนหนึ่งที่สนใจ เพราะงานบริการสุขภาพ ทั้งรัฐเอกชนก็เหนื่อย เพียงแต่รัฐอาจเหนื่อยมากหน่อย ดังนั้น เมื่อใช้มิตินี้เข้าไปในกระบวนการคุณภาพ ก็จะทำให้กระบวนการรักษาก็จะดียิ่งขึ้น เหมือนเป็นการดูแลเอาใจใส่ดุจญาติมิตร เอาจิตใจที่ดีงามผสมเข้าไปด้วย เราเอามิติทางด้านจิตวิญญาณเข้าไปผสมด้วย

HA เป็นมาตรฐาน รพ. ที่ทำให้คุณภาพของโรงพยาบาลมีความเท่าเทียมกัน โดยเป้าหมายคือเน้นความปลอดภัย

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นางดวงสมร บุญผดุง ผู้ทรงคุณวุฒิ สรพ. อธิบายเพิ่มเติมว่า SHA เป็นการพัฒนา รพ.ทั้งทางด้านมาตรฐาน และการหล่อเลี้ยงคนทำงานให้มีจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์ คือ คนทำงานต้องมีความรู้สึกภาคภูมิใจ มีพลังใจในการทำงาน และเมื่อ รพ.มีระบบงานที่มีมาตรฐานดี มีประสิทธิผลดี มีประสิทธิภาพดี มีการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น มีความเป็นมนุษย์ ก็ถือว่าองค์กรนั้นประสบความสำเร็จสูงสุด เรียกว่า เป็นเทรนด์ของโลก ดังนั้น หากเราเอาเรื่องจิตวิญญาณในการทำงานไปให้บุคลากรใน รพ.ทำ ก็จะทำให้บุคลากรสามารถถ่ายทอดแนวคิดการทำงานได้อย่างประณีต

มากขึ้น

“ปัจจุบันมี รพ. 6 แห่ง ที่ผ่านการรับรอง โดยปีนี้เป็นปีแรกที่เราไปเยี่ยมอย่างเป็นระบบ ดูตั้งแต่องค์กรนำ ดูวัฒนธรรมองค์กร เราก็สอนเรื่องนี้มา 12 ปีแล้ว โดย 6 แห่งประกอบด้วย รพ.เสาไห้เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.สระบุรี รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จ.เลย รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว จ.น่าน รพ.สมเด็จพระยุพราชจอมบึง จ.ราชบุรี รพ.เซนต์หลุยส์ กรุงเทพฯ รพ.สมเด็จพระยุพราชหล่มเก่า (ส่วนขยาย) จ.เพชรบูรณ์ ซึ่ง รพ.ต้องมีการทำ 2 อย่างควบคู่กันไปโดยในระยะแรกเราจึงเน้นระยะแรกให้มี HA ก่อน และเมื่ออยู่ในระดับที่เป็นมาตรฐานแล้ว เราก็จะให้เสริมจิตใจคน เพราะคนจะเริ่มท้อถอย คนจะเริ่มเบื่อ และลาออกจากระบบ ทำงานด้วยความไม่มีความสุข คนแห้งแล้ง เพราะไม่ได้หล่อเลี้ยงว่าทำงานไป เราทำงานไปเพื่ออะไร เงินเดือนอย่างเดียวคงไม่ได้ จริงๆ เราต้องทำในสิ่งที่มีความหมาย มีประโยชน์มากกว่า”Ž นางดวงสมร กล่าว

เกิดความสงสัยว่า การทำมาตรฐาน SHA ยากหรือไม่ ดวงสมรเล่าว่า จริงๆ คนทุกคนมีเมล็ดพันธุ์ความดีอยู่ แต่เราขาดการหล่อเลี้ยง ดังนั้น สรพ.จึงมีระบบงานที่เข้าไปหล่อเลี้ยงคน ซึ่งเราเชื่อว่าในองค์กรสามารถหล่อเลี้ยงคนได้ โดยเข้าไปในองค์กรนั้นๆ เข้าไปดูวัฒนธรรมการทำงาน เข้าไปดูระบบงาน ซึ่งผู้นำต้องเข้าใจถึงแก่นแท้ความเป็นมนุษย์ ว่าความเป็นมนุษย์ต้องการสิ่งหลายๆ อย่างที่ทำให้ชีวิตมีความหมายมากขึ้น ซึ่งเราจะเข้าไปเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ เป็นการทำ Workshop ให้รู้ความหมายของตนเอง ให้รู้การเกิดสติ ให้รู้จักรักตัวเอง รักผู้อื่น เป็นการเรียนรู้ความเป็นคน และยิ่งระบบบริการสุขภาพ เป็นการทำกับผู้คน ซึ่งความรู้วิทยาศาสตร์เป็นการรักษาโรค แต่เราต้องดูแลคนด้วย ซึ่ง SHA จะทำให้เราเข้าใจความเป็นคน เข้าใจคนอื่น ซึ่งการดูแลคนไข้จะมีความละเอียดถี่ถ้วน จะมีความยืดหยุ่น เราจะเข้าใจคนไข้ ระบบบริการสุขภาพจะอ่อนโยน ไปถึงแก่นของชีวิตได้

ซึ่งหากเรามีตรงจุดนี้ก็จะช่วยในเรื่องสัมพันธภาพของแพทย์และคนไข้ได้ ลดการฟ้องร้องได้ด้วย ส่งผลดีต่อกระบวนการรักษา เพราะรักษาแบบเข้าใจ ทำให้คนไข้มีความสุขมากขึ้น

27 March 2562

ที่มา มติชนรายวัน

Posted By ์์Nitayaporn/Bungon/Thongpet/Kanchana

Views, 1712

 

Preset Colors