02 149 5555 ถึง 60

 

พี้ยาหนักทำ "สมองติดยา" ถึงขั้นโรคสมองพิการถาวร

พี้ยาหนักทำ "สมองติดยา" ถึงขั้นโรคสมองพิการถาวร

หมอเตือนเสพยา ทำสมองติดยาได้ ชี้คนพี้ยาอย่างหนักและนานมากกว่า 5 ปี ยิ่งทำลายสมอง เป็นโรคสมองพิการถาวร กลับคืนสู่ปกติยาก

วันนี้ (19 มิ.ย.) นพ.ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สมองติดยา เป็นอาการที่พบได้ในผู้เสพยาและสารเสพติด เมื่อเสพเข้าสู่ร่างกายจะมีผลต่อสมอง 2 ส่วน คือ สมองส่วนคิด (Cerebral Cortex) และสมองส่วนอยาก (Limbic System) ยาและสารเสพติดจะเข้าไปกระตุ้นสมองให้หลั่งโดปามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดความสุขออกมามากกว่าปกติทำให้มีความสุขอย่างมากและรวดเร็ว เกิดความพึงพอใจมากกว่าปกติ เมื่อหมดฤทธิ์จะทำให้ผู้เสพมีอาการหงุดหงิด ซึมเศร้า จึงพยายามแสวงหายาและสารเสพติดมาใช้ซ้ำเรื่อยๆ

นพ.ภาสกร กล่าวว่า ในขณะเดียวกันเมื่อใช้ยาและสารเสพติดบ่อยๆ จะทำให้สมองส่วนคิดถูกทำลาย การใช้ความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลเสียไป สมองส่วนอยากจะอยู่เหนือสมองส่วนคิด ทำให้ทำอะไรตามใจตามอารมณ์ ผู้เสพยาและสารเสพติดจึงมักแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น ก้าวร้าว หงุดหงิด เกิดอาการทางจิตประสาท ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หมกมุ่นกับการใช้ยาและสารเสพติด ทำทุกวิถีทางให้ได้ยาเสพติดมาเสพ ส่งผลกระทบทั้งต่อตนเองและสังคม

นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ผู้เสพยาและสารเสพติดเข้ากระบวนการเลิกยาและสารเสพติดอย่างจริงจังช้าเกินไป เนื่องจากคิดว่าตนเองไม่ติด ไม่จำเป็นต้องรักษา สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน คือ เซลล์สมองถูกทำลาย ซึ่งจะมีความชัดเจนหลังจากเสพเพียง 1 เดือน และหากมีภาวะเสริมจากปัญหาของสมอง เช่น ระดับสติปัญญาต่ำ หรือมีสภาพจิตใจที่ไม่ปกติ มีแนวโน้มทางกรรมพันธุ์ที่มีโอกาสจะเกิดโรคทางจิตเวช ยิ่งทำให้อาการทางสมองที่ผิดปกติแสดงออกมาอย่างรุนแรงมากขึ้น ทำให้สูญเสียความทรงจำ คล้ายคนสมองเสื่อม ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เกิดความผิดปกติทางจิตเวชจากภาวะสมองพิการ

"หากหยุดเสพยาและสารเสพติดตั้งแต่เริ่มเสพไม่นาน และเข้ารับการบำบัดรักษาอย่างต่อเนื่อง สมองจะมีโอกาสฟื้นฟูเป็นปกติมากขึ้น แต่ในรายที่เสพยาและสารเสพติดมาเป็นระยะเวลานานมากกว่า 5 -10 ปี และเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาช้าสมองจะถูกทำลายกลายเป็นโรคสมองพิการถาวร โอกาสที่สมองจะกลับมาเป็นปกติเป็นเรื่องที่ยาก แม้จะสามารถเลิกเสพยาและสารเสพติดได้ก็อาจสายเกินไป เพราะไม่สามารถใช้สมองเพื่อเรียนหนังสือหรือทำงานได้อย่างเช่นคนปกติทั่วไป" นพ.สรายุทธ์ กล่าว

นพ.สรายุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ หากประสบปัญหาเกี่ยวกับยาและสารเสพติด สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ สายด่วนยาเสพติด 1165 หรือที่สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กรมการแพทย์ จังหวัดปทุมธานี และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ในส่วนภูมิภาคทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ขอนแก่น อุดรธานี สงขลา และปัตตานี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pmindat.go.th

19 June 2562

ที่มา ผู้จัดการ ออนไลน์

Posted By Nitayaporn/Bungon/Thongpet/Kanchana

Views, 15782

 

Preset Colors