02 149 5555 ถึง 60

 

ตรวจพบยาลดอ้วนตัวใหม่ "ลอร์คาเซริน" ในอาหารเสริม ชี้อันตราย มีฤทธิ์ต่อจิตประสาทและหัวใจ

ตรวจพบยาลดอ้วนตัวใหม่ "ลอร์คาเซริน" ในอาหารเสริม ชี้อันตราย มีฤทธิ์ต่อจิตประสาทและหัวใจ

กรมวิทย์ ตรวจเจอยาลดความอ้วนตัวใหม่ "ลอร์คาเซริน” ในอาหารเสริม ชี้ไม่เคยพบมาก่อนในไทย มีแนวโน้มเอามาใช้แทนไซบูทรามีน ระบุมีฤทธิ์ต่อระบบประสาท ลดอยากอาหาร แต่ทำปวดเวียนศีรษะ มีผลต่อจิตประสาท และหัวใจ ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ ตับและไตบกพร่อง

วันนี้ (4 ก.ค.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า สำนักยาและวัตถุเสพติด กรมฯ ได้รับตัวอย่างผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ลักษณะแคปซูลสีขาวในแผงอลูมิเนียมพลาสติก จำนวน 180 แคปซูล และตัวอย่างจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ลักษณะผงสีน้ำตาล สีขาว และสีดำ บรรจุขวด จำนวนมาก น้ำหนักรวม 70 กิโลกรัม ส่งมาตรวจพิสูจน์เพื่อหาไซบูทรามีน ยา และวัตถุออกฤทธิ์ จากการตรวจพิสูจน์ ในห้องปฏิบัติการ ไม่พบไซบูทรามีน แต่ตรวจพบ "ลอร์คาเซริน" ซึ่งเป็นยาควบคุมน้ำหนักที่ยังไม่มีจำหน่ายและไม่เคยพบ มาก่อนในประเทศไทย

นพ.โอภาส กล่าวว่า สารดังกล่าวออกฤทธิ์ควบคุมความอยากอาหารผ่านระบบประสาทส่วนกลาง แต่มีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ มีผลต่อหัวใจ และภาวะทางจิตและประสาท เนื่องจาก ลอร์คาเซริน มีข้อบ่งใช้ที่ต้องระวังสำหรับผู้ที่มีภาวะอ้วน น้ำหนักเกินหรือมีโรคอื่นร่วมด้วย เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ดังนั้น การใช้ลอร์คาเซริน จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์เท่านั้น ไม่ใช้ร่วมกับยาควบคุมน้ำหนักชนิดอื่นๆ และเมื่อใช้แล้วพบอาการข้างเคียง ต้องหยุดใช้ยาและรีบมาพบแพทย์ทันที เนื่องจากยานี้เมื่อรับประทานจะถูกดูดซึมได้ดีผ่านตับและขับออกทางปัสสาวะ จึงต้องระมัดระวังการใช้ในผู้ที่ภาวะบกพร่องทางตับและไต ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากมีผลต่อทารก ในครรภ์

"ดังนั้น การปนปลอมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงอาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างมาก เมื่อรับประทานในขนาดยาที่สูง จนเกิดผลข้างเคียงต่อจิตและประสาท หรือในหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้มีภาวะหลอดเลือดและหัวใจ หรือผู้ที่มีภาวะบกพร่องของตับและไต" นพ.โอภาส กล่าวและว่า ลอร์คาเซริน ยังไม่มีการควบคุมในประเทศไทย ในสหรัฐอเมริกาจัดเป็นสารควบคุมในกลุ่ม Schedule IV drugs คือ สามารถใช้ในทางการแพทย์ แต่มีแนวโน้มการนำมาใช้ในทางที่ผิดเช่นเดียวกับเฟนเตอมีน รวมทั้งยาควบคุมน้ำหนักอื่นๆ เช่น อีเฟดรีน แอมฟีพราโมน นอร์ซูโดอีเฟดรีน และมาซินดอล เป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 เนื่องจากมีการใช้ในทางการแพทย์ แต่มีแนวโน้มการนำมาใช้ในทางที่ผิดสูง

นพ.โอภาส กล่าวว่า ลอร์คาเซริน ที่พบการปนปลอมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศไทย คาดว่านำมาใช้ทดแทนไซบูทรามีน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย ซึ่งไซบูทรามีน จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 ดังนั้นจึงมีแนวโน้มการนำ ลอร์คาเซริน มาใช้ในทางที่ผิดสูง ทั้งนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้นำเสนอข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อใช้ในการพิจารณาควบคุมทางกฎหมาย เฝ้าระวังการแพร่ระบาดต่อไป

4 July 2562

ที่มา ผู้จัดการ ออนไลน์

Posted By ์์Nitayaporn/Bungon/Kanchana

Views, 1012

 

Preset Colors