เปิดงานวิจัยล่าสุด “บุหรี่ไฟฟ้า” ทำคนลองสูบ กลับไปสูบบุหรี่ใหม่ 3.3 เท่า สูบประจำติดเพิ่ม 5.2 เท่า
เปิดงานวิจัยล่าสุด “บุหรี่ไฟฟ้า” ทำคนลองสูบ กลับไปสูบบุหรี่ใหม่ 3.3 เท่า สูบประจำติดเพิ่ม 5.2 เท่า
หมอเผยงานวิจัยใหม่ล่าสุดจากสหรัฐฯ พบลองสูบ “บุหรี่ไฟฟ้า” ทำให้คนเลิกบุหรี่แล้วกลับมาสูบใหม่ 3.3 เท่า หากใช้เป็นประจำจะติดบุหรี่ธรรมดา 5.2 เท่า ส่วนคนไม่เคยสูบมาก่อนจะเพิ่มโอกาสติดบุหรี่ถึง 4 เท่า
วันนี้ (28 ส.ค.) ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงบุหรี่ไฟฟ้าว่า ขอเตือนผู้สูบบุหรี่ที่เลิกสูบไปแล้ว อย่าไปทดลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า เพราะจะเป็นสาเหตุที่ทำให้กลับไปสูบบุหรี่ธรรมดาใหม่ โดยงานวิจัยล่าสุดจากสหรัฐอเมริกาชี้ให้เห็นว่า การทดลองสูบบุหรี่ไฟฟ้าทำให้คนเคยสูบบุหรี่ที่เลิกสูบมานานแล้วกลับไปสูบบุหรี่ธรรมดาใหม่ และในวัยรุ่นที่ทดลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า เป็นต้นเหตุของการลองสูบบุหรี่ธรรมดาเพิ่มขึ้น และติดบุหรี่ธรรมดามากขึ้น
พญ.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากการงานวิจัยโดยทีมวิจัยจากสหรัฐอเมริกาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Public Health Reports เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำการวิเคราะห์ข้อมูลการสำรวจระยะยาวจำนวน 26,446 ราย เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการสูบบุหรี่ระหว่างปี 2556-2557 และ 2557-2558 ผลการศึกษาพบว่า บุหรี่ไฟฟ้าทำให้ผู้ที่เลิกสูบบุหรี่มานานแล้วกลับเข้ามาสูบบุหรี่ใหม่ โดยพบว่าผู้ที่เลิกบุหรี่ได้แล้ว หากลองสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะมีโอกาสที่จะเริ่มสูบบุหรี่ใหม่เพิ่มเป็น 3.3 เท่า และหากใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำจะกลับไปเป็นผู้ที่ติดบุหรี่ธรรมดาเพิ่มเป็น 5.2 เท่าของผู้ที่เลิกสูบบุหรี่ไปแล้วแต่ไม่ไปสูบบุหรี่ไฟฟ้า
พญ.เริงฤดีกล่าวว่า ขณะที่ในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน ถ้าเคยลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า จะมีโอกาสที่จะเริ่มสูบบุหรี่ธรรมดาเพิ่มเป็น 4 เท่าของผู้ที่ไม่เคยลองสูบบุหรี่ไฟฟ้าเลย และพบว่าผู้ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำ จะมีโอกาสที่จะเริ่มสูบบุหรี่ธรรมดาเพิ่มเป็น 6.6 เท่า มีโอกาสติดบุหรี่ธรรมดาเพิ่มเป็น 8 เท่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้าเลย และล่าสุดองค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกร้องให้ประเทศที่ยังไม่ได้มีกฎหมายควบคุมให้มีการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อปกป้องการเข้าถึงของเยาวชน โดย WHO ชื่นชมประเทศที่มีการห้ามบุหรี่ไฟฟ้าแบบเด็ดขาด พร้อมย้ำว่าปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานที่เพียงพอจะสนับสนุนว่า ผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่เหล่านี้มีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่แบบดั้งเดิม
29 August 2562
ที่มา ผู้จัดการ ออนไลน์
Posted By Nitayaporn/Bungon/Thongpet/Kanchana
Views, 1070