02 149 5555 ถึง 60

 

7 ข้อบ่งชี้ที่บอกว่ามีภาวะติดเหล้า

7 ข้อบ่งชี้ที่บอกว่ามีภาวะติดเหล้า

แพทย์เผย 7 สัญญาณบ่งชี้ที่บอกว่าคุณมีภาวะการติดเหล้า พร้อมแนะวิธีการหยุดดื่มสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกดื่ม หรือมีภาวะถอนแอลกอฮอล์ ปิดท้ายด้วยข้อดีของมาตรการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

พ.อ.(พิเศษ) นพ.พิชัย แสงชาญชัย ผู้อำนวยการศูนย์ปรึกษาปัญหาสุรา 1413 สายด่วนเลิกเหล้า สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เผยว่า ในช่วงที่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินและมีการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พบว่า มีประชาชนโทรเข้ามาขอรับคำปรึกษาเพื่อให้สามารถหยุดการดื่มได้อย่างปลอดภัยจำนวนมาก โดยเกือบเท่ากับช่วงที่ สสส.รณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาตลอด 3 เดือน

ภาวะการติดเหล้าจะมีข้อบ่งชี้ 7 ข้อ คือ

มีภาวะดื้อแอลกอฮอล์ ต้องดื่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เมาเท่าเดิม

มีภาวะถอนแอลกอฮอล์หลังงดดื่มหรือลดการดื่มลง

ดื่มมากกว่าหรือนานกว่าที่ตั้งใจไว้

พยายามลดลงหรือเลิกดื่มแต่ก็ไม่สำเร็จ

หมกมุ่นและใช้เวลาหมดไปกับการดื่ม

เสียงานเสียการเนื่องจากปัญหาการดื่ม

ยังคงดื่มอยู่ แม้ว่าเกิดผลกระทบอย่างมากแล้ว

หากใครที่มีอาการ 3 ข้อขึ้นไป จาก 7 ข้อข้างต้น เรียกว่า "อยู่ในภาวะติดเหล้า" หากหยุดหรือลดการดื่มกะทันหัน บางรายอาจมีภาวะถอนแอลกอฮอล์ที่รุนแรงตามมา ระดับความรุนแรงหลังการหยุดดื่มขึ้นอยู่กับปริมาณและความยาวนานของการดื่มในอดีตที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการเลิกดื่ม หรือมีภาวะถอนแอลกอฮอล์ สามารถโทรปรึกษาได้ที่ 1413 สายด่วนเลิกเหล้า หรือ Line ID: 1413helpline หรือ facebook fanpage: ศูนย์ปรึกษาปัญหาสุรา Alcohol Help Center จะมีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาการดูแลตัวเองในเบื้องต้น และให้คำปรึกษาการส่งต่อไปยังสถานพยาบาล เพื่อหยุดดื่มอย่างปลอดภัย การให้คำปรึกษาเหมือนเป็นการให้กำลังใจ สร้างพลังให้ผู้ที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองทำได้สำเร็จจริงๆ

ข้อดีของมาตรการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน เปิดเผยถึงมาตรการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ว่า สถานการณ์ผู้ที่มีปัญหาจากการดื่มสุราในประเทศไทยคาดว่ามีจำนวน 1,800,000 คน โดยการประกาศห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วประเทศ จะส่งผลให้คนที่มีปัญหาจากการดื่มประมาณ 2% หรือ 36,000 คนทั่วประเทศ จะได้รับผลกระทบเนื่องจากอาจเกิดอาการถอนแอลกอฮอล์ หรืออาการลงแดงจากการขาดสุรา ซึ่งกลุ่มนี้จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่กลับพบว่าหลังจากประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีจำนวนผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ ประเมินว่าจะมีผู้เข้ารับการรักษา 259 คน แต่จากการเก็บข้อมูลตั้งแต่วันที่ 9 -16 เมษายนที่ผ่านมา มีผู้ป่วยภาวะถอนพิษสุราเข้ารักษาในโรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดน่าน 40 คน โดยเป็นผู้ป่วยที่รักษาแบบนอนค้าง 18 คน และรักษาแบบผู้ป่วยนอก 22 คน โดยรับไว้รักษาที่โรงพยาบาลน่าน 5 คน และโรงพยาบาลชุมชนแห่งละ 1-4 คน ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการถอนพิษสุราหลังจากหยุดดื่ม 2-3 วัน อาการจะมีตั้งแต่อาการมือสั่น หงุดหงิด จนถึงอาการประสาทหลอนและชักเกร็ง แต่อาการดังกล่าวสามารถควบคุมได้ด้วยยา ซึ่งขณะนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการดีขึ้น รู้ตัวและพูดคุยได้ บางรายกลับบ้านไปแล้ว

ทั้งนี้ สาเหตุที่มีผู้ป่วยน้อยกว่าคาดการณ์เนื่องจากทีมจิตแพทย์โรงพยาบาลน่าน ได้ค้นหาผู้ป่วยพิษสุราเรื้อรังที่เคยเข้ารักษาในโรงพยาบาลมา และกระจายให้พยาบาลจิตเวชชุมชนทุกอำเภอ โทรศัพท์ติดตามผ่านโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และ อสม. ในพื้นที่ หากผู้ป่วยเริ่มมีอาการนอนไม่หลับ มือสั่นให้มารับยาที่โรงพยาบาลทันที ซึ่งระบบลักษณะนี้โรงพยาบาลทุกแห่งในกระทรวงสาธารณสุข ได้วางเครือข่ายสุขภาพในทุกชุมชนอยู่แล้ว

นอกจากนี้ มาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีข้อดีที่สำคัญคือ อุบัติเหตุทางถนนในจังหวัดน่านลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมีผู้ป่วยที่นอนรักษาที่โรงพยาบาล 65 ราย เหลือ 15 รายในปีนี้ ซึ่งลดลง 76.9% ผู้เสียชีวิตลดลงจาก 5 ราย เหลือเพียง 1 ราย ลดลง 80% และไม่มีผู้ป่วยอุบัติเหตุที่ต้องใส่ท่อช่วยใจ ซึ่งเท่ากับช่วยเก็บเครื่องช่วยหายใจไว้ในกรณีที่มีผู้ป่วยโควิดได้ ซึ่งตนขอสนับสนุนให้เทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ในปีต่อไป ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะช่วยให้คนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุน้อยลงได้ ตามคำกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ว่าสุขภาพนำเสรีภาพ

ทางด้าน นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีว่าที่ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด พร้อมใจกันห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ส่งผลให้สามารถช่วยชีวิตคนให้รอดจากอุบัติเหตุทางถนนได้ประมาณ 300 กว่าคน และที่สำคัญสามารถลดเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีที่แล้วเมาแล้วขับจากปีแล้ว 20.0% เหลือเพียง 5.5% ในปีนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่ครอบครัวและชุมชนได้ช่วยบุคคลอันเป็นที่รักได้ เข้าสู่ระบบการบำบัดรักษาดีกว่ารอให้เจ็บป่วยจากโรคตับแข็ง เลือดออกในทางเดินอาหาร หรือเป็นมะเร็งตับแล้วค่อยมารักษา

22 April 2563

ที่มา โพสต์ทูเดย์

Posted By Nitayaporn/thongpet/kanchana/Maneewan

Views, 1180

 

Preset Colors