ทาสแมวระวัง!! โรคสุดแปลก “ขี้แมวขึ้นสมอง” เสี่ยงแท้ง-ซึมเศร้า!!
ทาสแมวระวัง!! โรคสุดแปลก “ขี้แมวขึ้นสมอง” เสี่ยงแท้ง-ซึมเศร้า!!
ทาสแมวควรรู้!! ระวังติดโรคขี้แมวขึ้นสมอง หากไม่ดูแลแมวให้ดีอาจติดเชื้อสัตว์สู่คน แพทย์เตือนไม่ใช่เรื่องใหม่ ไทยยังศึกษาน้อย ย้ำพบเชื้อขึ้นสมอง คนตั้งครรภ์ติดเชื้อเสี่ยงบุตรพิการได้ ทั้งนี้ เธอพร้อมผลักดันสู่นโยบายคัดกรองหญิงก่อนตั้งครรภ์ เพื่อลดความเสี่ยง!!
ระวัง!! โรคขี้แมวขึ้นสมอง “ตั้งครรภ์-เสี่ยงแท้ง”
“ถ้าเราเป็นคนภูมิคุ้มกันปกติ ไม่น่ากลัวค่ะ และถ้าเราดูแลแมวที่เราเลี้ยงโดยการถ่ายพยาธิเป็นประจำ สม่ำเสมอ ไม่น่ากลัว…”
รศ.พญ.ชวัลญ์ญา รัตนพิทูลย์ หัวหน้าศูนย์โรคปรสิต เปิดใจกับ ทีมข่าว MGR Live หลังศูนย์วิจัยโรคปรสิต ออกมาเตือน “ทาสแมว” ระวังติดเชื้อโรคขี้แมวขึ้นสมอง เมื่อพบผู้ป่วยชายวัย 30 ปี มีรอยโรคขนาด 5 มิลลิเมตร ที่ตาขวา และเกือบ 1 มิลลิเมตร ที่ตาซ้าย ซึ่งสิ่งที่ส่งให้สังคมวิตกกังวล คือ เชื้อจะก่อโรคทางตา ส่วนหญิงตั้งครรภ์เสี่ยงแท้ง
คือ ปกติแมวมันก็จะมีวิถีชีวิตของเขาที่จะไปหากินตามสิ่งแวดล้อม แมวมันก็จะได้รับเชื้อเรียกว่า Toxoplasmosis หรือโรคขี้แมวขึ้นสมองพอตัว Toxoplasmosis ไปอยู่ในแมว หลังจากนั้น คนก็จะติดต่อได้โดย 2-3 ทางหลักๆ คือ เขาเรียกว่ามีการปนเปื้อนลงไปในอาหาร เล็บมือ หรืออะไรต่างๆ ที่ทำให้ตัวพยาธิขี้แมวขึ้นสมองนี้ มาอยู่ในตัวคนเราได้ ปกติถ้าอยู่ในตัวคนที่มีภูมิคุ้มกันปกติ ก็จะสามารถจัดการกับตัวโปรโตซัว พยาธิขี้แมวขึ้นสมองตัวนี้ได้
หลักๆ คือ สิ่งที่เห็นอาจจะมีอาการไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนเป็นหวัดธรรมดา อันนี้ในคนปกตินะคะ แต่ในคนมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง อย่างกลุ่มที่ได้รับสเตียรอยด์นานๆ ให้ยาเคมีบำบัด
หรือว่าเป็นกลุ่มที่เป็นภูมิคุ้มกันบกพร่องจากสาเหตุอื่นๆ ก็จะทำให้เกิดตัวเชื้อตัวนี้ไปอยู่ตามกล้ามเนื้อของคนไข้ หรือไปอยู่ที่บริเวณสมองของคนไข้ อันนี้ก็เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้มันมีพยาธิสภาพในร่างกายได้”
โดยเชื้อ Toxoplasmosis หรือ โรคขี้แมวขึ้นสมองนั้น มักพบในสัตว์เลือดอุ่นโดยเฉพาะแมว พบเชื้อได้ใน “ขี้แมว” ซึ่งคุณหมอย้ำว่า ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันดี จะไม่เป็นโรคนี้
“ตัวโปรโตซัวตัวนี้อยู่ในขี้แมว มันอาศัยอยู่ในลำไส้ของแมว หลังจากแมวถ่ายออกมาแล้ว มันจะมีระยะติดต่ออยู่ในอุจจาระของแมว ถ้าสมมติเราเอามือไปสัมผัส ล้างมือไม่สะอาด ไปหยิบอาหารเข้าปาก ตัวนี้ก็จะมีโอกาสที่จะติดจากสัตว์สู่คนได้
เมื่อเข้าไปอยู่ในคน มันก็อยู่ในลำไส้ของเรา แต่ตัวโปรโตซัวตัวนี้มันมีความสามารถพิเศษที่ยังไม่มีงานวิจัยมายืนยันว่ามันไปตามกล้ามเนื้อ ไปที่สมองได้ยังไง อันนี้ยังไม่มีงานวิจัยยืนยันชัดเจน
แต่ส่วนใหญ่พอมันอยู่ในลำไส้เรา มันจะมีกลไกในร่างกาย ที่ไปอยู่ในลำไส้ แล้วก็ไปอยู่ที่สมอง ถ้าคนไข้ที่เป็น HIV หรือกลุ่มคนภูมิคุ้มกันบกพร่อง คือ พอไปอยู่ที่สมอง ร่างกายมันจะมีกลไกในการกำจัด คือ อาจจะสร้างแคลเซียมมาห่อหุ้มตัวพยาธิตัวนี้ ทำให้เกิดเป็นที่มาของคำพูดว่าโรคขี้แมวขึ้นสมอง”
ทว่า ในภาวะปกติ คนปกติผู้ที่ติดเชื้อมักไม่แสดงอาการ หรือมีอาการคล้ายไข้หวัด แต่ถ้าเป็นผู้ป่วย HIV อาจมีอาการที่รุนแรงขึ้น เช่น มีไข้ ปวดหัว มึนงง ชัก คลื่นไส้ ซึ่งในหญิงตั้งครรภ์เธอยอมรับว่าถือเป็นจุดที่สำคัญอาจส่งผลต่อเด็ก แต่ยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร
“หญิงตั้งครรภ์ได้รับเชื้อโปรโตซัว หรือ พยาธิขี้แมวขึ้นสมอง มันจะส่งผลต่อลูกที่อยู่ในท้อง ในช่วงตั้งครรภ์ เขาเรียกว่าภาวะพิการตั้งแต่กำเนิด คือ ถ้าประเทศในฝั่งอเมริกา หรือยุโรป มันจะมีการคัดกรอง เขาเรียกว่า โรคที่ทำให้เกิดความพิการตั้งแต่กำเนิดนะคะ มันก็จะมีหลายตัว
อย่างบ้านเราเมืองไทยก็จะตรวจหัดเยอรมัน แต่ทางในยุโรปจะมีการตรวจตัว Toxoplasmosis หรือตัวโปรโตซัว พยาธิขี้แมวตัวนี้ด้วย อีกกลุ่มก็จะเป็นหัดเยอรมัน และเป็นเชื้อโรคอีกชนิดหนึ่ง ชื่อ Cytomegalovirus อยู่ 3-4 อย่าง แต่ว่าเมืองไทยเราตรวจแค่รูเบลลา (หัดเยอรมัน) ไม่มีการตรวจภูมิคุ้มกันของโรคขี้แมวขึ้นสมอง ในเมืองไทยยังมีการศึกษาน้อย
แต่ทาง ศ.พญ.กฤษณา เพ็งสา ที่ปรึกษาเวชศาสตร์เขตร้อน เขาได้รวบรวมเคสในประเทศไทย ที่ทารกมีภาวะพิการตั้งแต่กำเนิด 20 เคส ปรากฏว่า 13 เคส ตรวจ Antibody (ภูมิคุ้มกันในร่างกาย) แล้วพบโปรโตซัว พยาธิขี้แมวขึ้นสมองนี้ 13 ราย ใน 20 ราย ซึ่งก็ค่อนข้างสูง”
ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีงานวิจัยเชื้อโรคขี้แมวขึ้นสมองที่สามารถส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพ และพฤติกรรมโดยอาจจะทำให้เกิดบุคลิกภาพแบบหวั่นไหว โรคจิตเภท โรคซึมเศร้า มีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย แต่ก็มีการแย้งในประเด็นเหล่านี้เช่นกัน
“เรื่องสุขภาพจิต คือ มันเคยมีงานวิจัยที่เคยบอกอยู่ค่ะ แต่ว่ายังคลุมเครืออยู่ ไม่มีการยืนยันชัดเจน ก็อาจจะต้องศึกษาเพิ่มเติม”
27 May 2563
ที่มา ผู้จัดการ ออนไลน์
Posted By Nitayaporn/thongpet/kanchana/Maneewan
Views, 3900