02 149 5555 ถึง 60

 

ความสุขในช่วงเวลาชีวิตที่วิกฤต

ความสุขในช่วงเวลาชีวิตที่วิกฤต

เกือบครบปีแล้วที่เจ้าลูกชายของดิฉันทั้งสองคนต้องเรียนออนไลน์อยู่ที่เมืองไทย ยังไม่สามารถกลับไปเรียนที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนได้ ทำให้บางคราเขาทั้งสองคนก็หงุดหงิดเพราะเหมือนช่วงเวลาชีวิตช่วงหนึ่งหายไป แต่เมื่อได้ฉุกคิดอีกมุมหนึ่ง เจ้าลูกชายคนเล็ก "สิน สิทธิสมาน" กลับมองว่า"ในร้ายมีดี" เพราะมีบางสิ่งที่ได้มาพร้อมความสุข และได้ถ่ายทอดถึงความรู้สึกที่หายไปและสิ่งที่ได้มาในช่วงเวลาชีวิตนั้นผ่านคอลัมน์นี้

ผมเริ่มต้นปี 2020 ด้วยความอบอุ่น...

เพราะแม้จะอยู่ในช่วงภาคเรียนแรกของชั้นปีที่ 2 ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน แต่เป็นช่วงที่คุณพ่อคุณแม่ และอาม่า ยกขบวนกันไปกึ่งเยี่ยมผมกับพี่ชายกึ่งเที่ยวปีใหม่ที่โน่นพอดี ทำให้ครอบครัวเราได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา 5 คน ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนักในช่วงหลัง ๆ การได้กินข้าวร่วมกันและเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ และได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนในครอบครัว โดยเฉพาะอาม่า ทำให้เกิดความสุขแบบง่าย ๆ

หลังคุณพ่อคุณแม่และอาม่าบินกลับ ไม่กี่วันก็ปิดเทอม ผมกับพี่ชายบินกลับมาเทศกาลตรุษจีนที่เมืองไทย โดยจะกลับไปภายในเวลาไม่ถึงเดือน

แต่จนถึงบัดนี้ เกือบครบ 1 ปีเต็ม ผมยังไม่ได้กลับเลย

ในรอบปี 2020 ที่ผ่านมาจึงต้องบอกว่ามีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นอยู่มากมายกับโลกใบนี้ หลายๆ คนคงทราบดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์โควิด 19 ที่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นสักเท่าไหร่นัก ดูจากรูปการณ์แล้วการที่ผมจะได้กลับไปเซี่ยงไฮ้ น่าจะยังคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก และน่าจะเป็นพักใหญ่ ๆ เสียด้วย สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทยก็อย่างที่เห็น หรือแม้แต่ในโลกฟุตบอลที่ผมรัก ก็สูญเสียบุคลากรคุณภาพคนสำคัญไปแล้วตั้งหลายคน คนรู้จักของคุณพ่อคุณแม่ก็เสียชีวิตกันหลายคนในปีนี้ ต้องไปงานศพกันถี่ แม้แต่ผมเองก็มีญาติพี่น้องของเพื่อนจากไปบ้าง

ช่างนับว่าเป็นปีที่น่าหดหู่ใจอย่างมากสำหรับหลาย ๆ คน รวมถึงตัวผมด้วย เรียกได้ว่าเป็นปีที่ผมอยู่บ้านนานที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ ถ้าไม่นับตอนเป็นเด็กเล็กนะครับ

แต่แน่นอนแหละครับว่าในทุก ๆ เรื่องราวที่เลวร้าย ก็มักจะมีเรื่องดี ๆ ซ่อนอยู่ หรือเรียกสั้น ๆ ได้ว่า “ในร้ายย่อมมีดี” นั่นแหละ

เรื่องดีมีอยู่ทุกที่ทุกสถานการณ์ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะหาเจอหรือเปล่าแค่นั้นเอง

สิ่งที่ผมสูญเสียไปในปีนี้คือช่วงเวลาชีวิตเกือบ 1 ปีเต็มในประเทศจีน คิดดูสิ การเป็นนักศึกษาที่ชีวิตประจำวันอยู่ในประเทศจีนมาเกือบ 2 ปี มีเพื่อนต่างชาติให้พูดคุยทุกวัน มีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำมากมาย แถมยังได้ท่องโลกไปหลากหลายสถานที่ แล้วจู่ ๆ ต้องมาเรียนออนไลน์ยาวนานเกือบ 8 เดือนในบ้าน มันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยน่ายินดีเท่าไหร่ เพราะการเรียนออนไลน์ถึงแม้เนื้อหาจะเหมือนเรียนในห้องเรียนก็ตาม แต่สิ่งที่ขาดไปคือบรรยากาศในห้องเรียน เพื่อนในห้องเรียน และการใช้ชีวิตเรียนรู้นอกห้องเรียนในจีน

ข้อที่สามเป็นสิ่งผมเสียดายมากที่สุด เพราะไม่อาจหาสิ่งใดมาทดแทนได้

แต่..เมื่อคิดถึงสิ่งที่ผมได้มาล่ะ ?

แน่นอนสิ่งที่ผมสูญเสียไปคือ “ช่วงเวลาชีวิต” เกือบ 1 ปีในประเทศจีน แต่สิ่งที่ผมได้มาก็คือ “ช่วงเวลาชีวิต” เช่นกัน

มันคือ ช่วงเวลาชีวิตที่ได้ใช้ร่วมกันกับครอบครัวสิทธิสมาน

ตลอดระยะเวลาที่ผมได้เข้าเรียนที่วชิราวุธวิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ 9 ปีเต็ม พอจบมาก็ไปเรียนต่อที่ประเทศจีนเกือบ 2 ปี เรียกว่าตลอด 11 ปี รวมแล้วครึ่งหนึ่งของชีวิตผมนั้น ช่วงเวลาที่จะได้อยู่กับครอบครัวก็คงจะมีแค่ช่วงปิดเทอมใหญ่เท่านั้น และส่วนมากพวกเราก็มักจะไปเที่ยวทริปใหญ่ ๆ ในทุก ๆ ปิดเทอม แต่การที่ไม่ได้กลับไปเรียนที่จีนแล้วต้องนั่งเรียนออนไลน์อยู่บ้านทุกวัน มันทำให้ผมได้ใช้เวลากับครอบครัวมากเป็นพิเศษ มากกว่าปิดเทอมครั้งอื่นเป็นไหน ๆ

แน่นอนครับเมื่อเราไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้มาซักพักแล้ว การมาอยู่ด้วยกันใกล้ชิดกันมาก ก่อนนอนก็เจอหน้ากัน ตื่นมาก็เจอหน้ากัน บางทีก็เกิดเรื่องผิดใจกันบ้าง

โดยคู่เอกของบ้านเราก็คงจะหนีไม่พ้นผมกับคุณแม่เจ้าของคอลัมน์นี้แหละครับ ฮ่า ๆ

เรื่องหลัก ๆ ก็คงจะเป็นเวลาตื่นเวลานอนที่แตกต่างกัน เพราะผมชอบดูฟุตบอลช่วงเวลาดึกบางวันก็เกือบเช้า แต่คุณแม่มองว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ รองลงมาก็คงจะเป็นการใช้คำพูดของผมที่บางครั้งอาจจะไม่ระวังทำให้ไปกระทบจิตใจของท่านบ้าง ซึ่งช่วงหลัง ๆ ผมก็พยายามปรับตัว และเข้าใจคุณแม่มากขึ้น คุณแม่ก็เช่นกันครับ

นอกจากนี้พวกเรายังได้มีโอกาสพูดคุยกันในทุก ๆ เรื่อง ส่วนมากก็จะเป็นช่วงเวลาหลังมื้ออาหารเย็น เรียกว่าในแต่ละวันหัวข้อก็แทบไม่ซ้ำกันเลยครับ วันไหนเทรนด์ข่าวอะไรดัง ๆ เราก็มักจะหยิบแต่ละหัวข้อมานั่งคุยกัน มีทั้งวันที่ความเห็นไปในทางเดียวกัน และวันที่สวนกันไปคนละทาง ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนต่างคิด ต่างวัย ต่างมุมมองครับ เราคุยกันทุกเรื่อง ทุกประเด็นข่าว เรื่องกีฬา หรือแม้แต่เรื่องการเมืองก็ตาม

เรื่องเหล่านี้มันดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับตัวผมแล้วมันเป็นเรื่องธรรมดาที่มันมีค่ามากสำหรับผม การที่ได้ใช้ชีวิตธรรมดา ๆ ร่วมกับครอบครัวนับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในปีนี้เลยก็ว่าได้ครับ

บางทีเรื่องดี ๆ หรือความสุข มันอาจจะมากับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองมันอย่างไร

สุดท้ายนี้ อยากจะบอกว่าผมกำลังจะเริ่มต้นปี 2021 ด้วยความอบอุ่นเช่นเดียวกับปีที่แล้ว 2020 คือได้ใช้ชีวิตอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว 5 คน

นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีทางจะจินตนาการได้เลยเมื่อวันนี้ของเมื่อปีที่แล้ว....

17 December 2563

ที่มา ผู้จัดการ ออนไลน์

Posted By Thongpet/kanchana/Maneewan

Views, 1211

 

Preset Colors