02 149 5555 ถึง 60

 

ดนตรีบำบัด ช่วยเยียวยาสังคม

ดนตรีบำบัด ช่วยเยียวยาสังคม

ผลทางการแพทย์ชี้ดนตรีบำบัดลดความดันเลือด บรรเทาความเจ็บปวดระหว่างรับการรักษาด้วยคีโม ฟอกไต กระตุ้นสมองผู้สูงวัย ศิลปกรรมฯ จุฬาฯ เปิดหลักสูตรผลิตนักดนตรีบำบัด หวังเยียวยาผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่าง ๆ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในสังคม

ในต่างประเทศดนตรีบำบัด (music therapy) ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ซ้ำยังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ตรงข้ามกับสังคมไทยที่หลายฝ่ายยังขาดความเข้าใจในกระบวนการบำบัดด้วยศาสตร์นี้ ส่งผลให้ขาดการสนับสนุนอย่างจริงจัง ไม่มีแผนการสร้างบุคลากรด้านดนตรีบำบัด ขาดแคลนทั้งคนและความรู้ คุณค่าและความหมายของดนตรีในสังคมไทยจึงไปไม่พ้นแวดวงวิชาการและบันเทิงคดี

คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯเห็นความสำคัญของศาสตร์นี้ต่อสังคม ที่ผ่านมาจึงได้ศึกษาวิจัยดนตรีบำบัดกับผู้ป่วยโรคไตที่กำลังฟอกไต ผู้ป่วยมะเร็งที่รักษาด้วยเคมีบำบัด ผู้ป่วยที่กำลังรอผลการวินิจฉัยโรค และผู้สูงวัยที่มีภาวะสมองเสื่อม เป็นต้น

โดยผลการศึกษาพบว่าดนตรีบำบัดช่วยบรรเทาความเจ็บปวด ลดความดันโลหิต รักษาความปกติของอัตราการเต้นของหัวใจ คลายความกังวลให้ผู้ป่วยทั้งระหว่างได้รับการรักษาและระหว่างรอผลการวินิจฉัยโรค อันส่งผลให้ขั้นตอนการรักษาดำเนินไปอย่างราบรื่น

“ศาสตราจารย์ ดร.บุษกร บิณฑสันต์” คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ดนตรีบำบัดคือการใช้ดนตรีและวิธีการทางดนตรีในการช่วยฟื้นฟู รักษา และพัฒนาด้านอารมณ์ ร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยให้ดีขึ้น ก่อนบำบัดก็ต้องได้รับการเห็นชอบจากผู้เชี่ยวชาญ

“โดยดนตรีจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้บำบัดกับผู้เข้ารับการบำบัด และทุกกิจกรรมบำบัดไม่ว่าจะขับร้อง ฟังเพลงบรรเลง หรือดนตรี ล้วนถูกออกแบบมาให้เหมาะกับสภาพร่างกายและจิตใจของผู้เข้ารับการบำบัด”

นอกจากนั้น หนึ่งในงานวิจัยของคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ยังศึกษาปฏิกิริยาทางอารมณ์ และพฤติกรรมทางสังคมของผู้สูงอายุหลังฟังเสียงเพลงจากเครื่องดนตรี “อังกะลุง” ผลสรุปว่า เสียงดังกล่าวได้กระตุ้นพลังใจและความเบิกบานให้แก่คนวัยนี้อย่างมีนัยสำคัญ ความกระชุ่มกระชวยกลับมาอีกครั้งเช่นเดียวกับกำลังใจและความทรงจำ

วันคืนของบั้นปลายชีวิตไม่ได้ผ่านเลยไปอย่างไร้ความหมาย ความมีชีวิตชีวาถูกปลุกขึ้นภายใน ซึ่งทำให้คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ได้รับการฟื้นฟู รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเริ่มปรากฏจากทัศนคติเชิงบวก และผลพลอยได้ที่เกิดขึ้นระหว่างกิจกรรมบำบัดคือชุมชนคนขิงแก่

“ศาสตราจารย์ ดร.บุษกร” กล่าวต่อว่า เพียงเสียงดนตรีอย่างเดียวยังไม่มีนักดนตรีบำบัด ก็ช่วยรักษาผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อม (dementia) ได้ ขอเพียงหูยังได้ยินเสียง ฟังเพลงที่เขาเคยร้อง สักพักก็ร้องตามได้ เราเชื่อว่าสมองส่วนดนตรีเก็บข้อมูลไว้ได้นาน

“ขณะที่สมองส่วนที่ใช้ไม่ได้ก็จะหมดสภาพ สมองส่วนดนตรีจึงเป็นเสมือนกล่องข้อมูลเก่ารอวันที่เสียงดนตรีดังขึ้น กระตุ้นการทำงานของสมองส่วนนี้ให้ทำงานอีกครั้ง เซลล์สมองข้างเคียงก็จะกระชุ่มกระชวยตามไปด้วย เพราะฉะนั้น ดนตรีบำบัดมีรายละเอียดมากกว่าการฟังเพลงเพื่อการผ่อนคลายและบันเทิง”

“เพราะศาสตร์นี้มุ่งเน้นทุเลาความเจ็บปวดและขจัดความวิตกกังวลของผู้ป่วย ซึ่งในการบำบัดจำต้องมีข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้ารับการบำบัด เช่น สภาพร่างกายปัจจุบัน ความสามารถในการขยับตัว บุคลิกภาพ พื้นฐานครอบครัว ปูมหลังชีวิต และที่สำคัญต้องรู้คือแนวดนตรีและเครื่องดนตรีที่ชื่นชอบ ซึ่งนักดนตรีบำบัดจะประมวลข้อมูลเหล่านี้จากการพูดคุยกับผู้ป่วยและคนใกล้ชิดก่อนออกแบบดนตรีในรูปแบบ bedside music therapy ซึ่งมีรายละเอียดแตกต่างกันในแต่ละบุคคล”

เพราะกิจกรรมดนตรีบำบัดเป็นไปได้หลากหลายแบบ ขึ้นกับความเหมาะสมและความต้องการของผู้รับการบำบัด ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานด้านดนตรีก็ได้

“อยู่ ๆ เราจะไปเปิดเพลงเพื่อลดความเจ็บปวดไม่ได้ นักบำบัดต้องพูดคุยกับคนไข้และคนใกล้ตัวคนไข้ก่อน สำหรับคนไข้ที่ขยับตัวไม่ได้ก็จะฟังดนตรีอย่างเดียวแต่ถ้าคนไหนขยับตัวได้ก็เพิ่มเครื่องดนตรีเข้าไปให้สัมผัส ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดผลของการใช้ดนตรีบำบัดที่ดีมากยิ่งขึ้น ความสุขคือประเด็นสำคัญที่สุดในการใช้ดนตรีบำบัด”

เพราะดนตรีบำบัดมี 2 รูปแบบ ได้แก่ หนึ่ง การบำบัดแบบเดี่ยว (individual music therapy) เหมาะสมกับผู้ที่ชอบเก็บตัวและผู้ป่วยที่ถูกควบคุมใกล้ชิด แต่กระนั้นถ้าผู้ป่วยภาวะปกติสนใจการบำบัดแบบเดี่ยวก็ทำได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจและความพร้อมของผู้เข้ารับการบำบัด

สอง การบำบัดแบบกลุ่ม (community music therapy) เหมาะสมกับผู้ที่ไม่อาจใช้ดนตรีบำบัดตัวเองเพียงลำพัง ข้อดีของการบำบัดแบบกลุ่มคือ โอกาสที่ผู้เข้ารับการบำบัดจะได้สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอื่น ซึ่งการเรียนรู้ร่วมกันนี้ก็จะลดทัศนคติเชิงลบของตน คลายความเหงาได้จากการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ส่วนดนตรีที่นำมาใช้บำบัดก็จะคัดสรรจากค่าเฉลี่ยแนวดนตรีที่ทุกคนในกลุ่มนิยมฟัง

“ศาสตราจารย์ ดร.บุษกร” กล่าวต่อว่า นักดนตรีบำบัดอาจทำหน้าที่คล้ายนักจิตวิทยา แต่ไม่ใช่นักจิตวิทยาเนื่องจากใช้การสื่อสารผ่านภาษาที่ไม่ใช่คำพูด (nonverbal communication) โดยวินิจฉัยและประเมินผู้ป่วยผ่านสีหน้าและท่าทางที่สังเกตเห็น ไม่จำเป็นต้องพูดให้กำลังใจใด ๆ เพราะทุกอย่างจะถูกสื่อผ่านดนตรี

“นักดนตรีบำบัดจึงต้องมีความรู้หลากหลายสาขา ทั้งระบบประสาทการทำงานของสมอง จิตวิทยา และทักษะการเขียนเพลงสำหรับการด้น (improvise) ที่พอเหมาะพอดีกับสภาพของผู้เข้ารับการบำบัด ซึ่งทักษะที่ว่านี้ต้องฝึกฝนมาต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 900 ชั่วโมง พร้อมประกาศนียบัตรรับรองความถนัดทางวิชาชีพ”

“แต่นักดนตรีบำบัดที่ผ่านการฝึกฝน และได้รับใบรับรองที่ถูกต้องมีน้อยถึงน้อยมาก เราจึงเปิดสาขาวิชาดนตรีบำบัดขึ้นเพื่อสร้างนักดนตรีบำบัดที่มีคุณภาพ โดยมีผู้เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงด้านดนตรีบำบัดระดับโลกมาเป็นประธานหลักสูตร”

ผู้สนใจหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาดนตรีบำบัด (หลักสูตรนานาชาติ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ค้นหาข้อมูลเพิ่มใน https://www.faa.chula.ac.th/subjectmain/indexcourse/147

15 September 2564

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

Posted By Thongpet/kanchana/Maneewan

Views, 3830

 

Preset Colors