02 149 5555 ถึง 60

 

ใจชื้น!US-WHOข้อมูลตรงกัน เคสโอมิครอนเกือบทั้งหมดป่วยแค่เล็กน้อย ก่ออาการเบากว่าติดเชื้อเดลตา

ใจชื้น!US-WHOข้อมูลตรงกัน เคส'โอมิครอน'เกือบทั้งหมดป่วยแค่เล็กน้อย ก่ออาการเบากว่าติดเชื้อ'เดลตา'

รายงานฉบับหนึ่งจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ(CDC) ระบุว่าเคสผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์โอมิครอนกลุ่มแรกๆในสหรัฐฯ เกือบทั้งหมดมีอาการเล็กน้อย ส่วนใหญ่แค่ไอหรือน้ำมูกไหล สอดคล้องกับข้อมูลขององค์การอนามัยโลก(WHO) ที่บอกว่าแม้โอมิครอน จะแพร่เชื้อง่ายกว่าตัวกลายพันธุ์เดลตาและลดประสิทธิภาพของวัคซีน แต่ก่ออาการเบากว่า

การค้นพบของซีดีซีที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์(10ธ.ค.) มอบเบาะแสในเบื้องต้นเกี่ยวกับตัวกลายพันธุ์โควิด-19 ที่มีการกลายพันธุ์หลายตำแหน่ง ซึ่งเวลานี้พบแล้วอย่างน้อย 25 รัฐทั่วอเมริกา แม้พวกผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่ายังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปอย่างชัดเจนว่าแนวโน้มการแพร่ระบาดของมันในประเทศแห่งนี้จะออกไปในทิศทางไหน

รายงาน 5 หน้าของซีดีซีเป็นการสังเกตอาการคนไข้ 43 รายในสหรัฐฯ ที่ยืนยันว่าติดเชื้อตัวกลายพันธุ์โอมิครอน โดยมากกว่าครึ่งเป็นคนหนุ่มสาว อายุระหว่าง 18 ถึง 39 ปี และในนั้นมีที่ป่วยหนักถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพียงคนเดียว

ข้อมูลของซีดีซีระบุด้วยว่าในบรรดาผู้ติดเชื้อนั้น มากกว่า 3 ใน 4 เป็นคนที่ฉีดวัคซีนครบเข็มแล้ว และในนั้น 1 ใน 3 ยังฉีดเข็มกระตุ้นแล้วด้วย นอกจากนี้แล้วยังมีอยู่ 6 รายเคยติดเชื้อโควิด-19 มาก่อน และ 1 ใน 3 เร็วๆนี้เคยเดินทางไปยังต่างประเทศ

ในรายงานระบุว่าอาการที่พบเห็นได้ทั่วไปคือไอ เหนื่อยล้า และคัดจมูกหรือน้ำมูกไหล

มีคนไข้ที่ฉีดวัคซีนแล้วรายหนึ่งอาการหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล แต่ใช้เวลาพักรักษาตัวเพียง 2 วัน และไม่มีรายงานการเสียชีวิต

การค้นพบนี้เป็นไปตามกรอบข้อมูลในเบื้องต้นจากแอฟริกาใต้ ซึ่งแพทย์บางส่วนระบุว่าตัวกลายพันธุ์ใหม่นี้ดูเหมือนจะก่ออาการเบากว่าในคนไข้ที่ติดเชื้อ

อย่างไรก็ตามในรายงานได้มีคำเตือนบางอย่าง โดยซีดีซีชี้ว่ามันอาจต้องใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ก่อนอาการรุนแรงจะปรากฏขึ้นในบรรดาผู้ติดเชื้อบางคน แต่คาดการณ์ว่าบุคคลที่ฉีดวัคซีนแล้วจะมีอาการเบากว่า เช่นเดียวกับบุคคลที่เคยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มาก่อน

แพทย์หญิงโรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการซีดีซีให้คำจำกัดความรายงานดังกล่าวว่าเป็น "จุดเริ่มต้น" พร้อมระบุเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐบาลกลางจะเดินหน้าติดตามตัวกลายพันธุ์โอมิครอนอย่างใกล้ชิด ในขณะที่พวกผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ายังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปใดๆ

ข้อมูลของทางสหรัฐฯสอดคล้องกับองค์การอนามัยโลกที่ในวันอาทิตย์(12ธ.ค.) อ้างอิงข้อมูลในเบื้องต้น ระบุว่าตัวกลายพันธุ์โอมิครอนแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายกว่าตัวกลายพันธุ์เดลตาและลดประสิทธิภาพของวัคซีน แต่ก่ออาการไม่รุนแรงเท่า

ตัวกลายพันธุ์เดลตา ซึ่งพบครั้งแรกในอินเดียเมื่อช่วงต้นปี อยู่เบื้องหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เกือบทั้งหมดทั่วโลก

อย่างไรก็ตามการค้นพบโอมิครอนของแอฟริกาใต้ ซึ่งมีการกลายพันธุ์มากมายหลายตำแหน่ง เมื่อเดือนที่แล้ว กระตุ้นให้ประเทศต่างๆทั่วกำหนดคำสั่งห้ามด้านการเดินทางกับประเทศต่างๆในแถบตอนใต้ของทวีปแอฟริกา และกลับมาบังคับใช้ข้อจำกัดต่างๆภายในประเทศ เพื่อชะลอการแพร่ระบาด

องค์การอนามัยโลกระบุว่าจนถึงวันที่ 9 ธันวาคม โอมิครอนแพร่ระบาดไปแล้ว 63 ประเทศทั่วโลก และมีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วทั้งในแอฟริกาใต้ ที่เดลตามีอัตราความชุกต่ำ และในสหราชอาณาจักร ดินแดนที่เดลตายังคงเป็นสายพันธุ์หลัก

"หลักฐานในเบื้องต้นบ่งชี้ว่าโอมิครอนลดประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อและแพร่เชื้อ" องค์การอนามัยโลกระบุในถ้อยแถลง "จากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน ดูเหมือนว่าโอมิครอนจะแซงหน้าตัวกลายพันธุ์เดลตา เมื่อเกิดการแพร่ระบาดในชุมชน"

จนถึงตอนนี้ตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ก่ออาการป่วยเล็กๆน้อยๆหรือเป็นเคสที่ไม่แสดงอาการ แต่องค์การอนามัยโลกเน้นย้ำว่าข้อมูลยังไม่เพียงพอที่จะสรุปถึงความรุนแรงทางคลินิกของตัวกลายพันธุ์นี้

13 December 2564

ที่มา ผู้จัดการ ออนไลน์

Posted By Thongpet/kanchana/Maneewan

Views, 323

 

Preset Colors