02 149 5555 ถึง 60

 

ถอดประสบการณ์รอดจากโควิดด้วยแพทย์แผนไทย

HOW TO SELF – ISOLATION ถอดประสบการณ์รอดจากโควิดด้วยแพทย์แผนไทย

เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อโควิด – 19 เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ภาครัฐมีแนวคิดให้ผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการหรือแสดงอาการเพียงเล็กน้อยรับการรักษาตัวเองจากที่บ้าน หรือที่เรียกว่า Home Isoiation เพื่อให้โรงพยาบาลมีเตียงเพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง

แต่ใครจะรู้ว่าการรักษาตัวที่บ้านแบบ Home Isoiation สามารถรักษาได้ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนทางเลือกอื่นๆควบคู่กันไปตามความเหมาะสม โดยเฉพาะการรักษาโควิดด้วยแพทย์แผนไทย ซึ่งตอนนนี้ผู้คนให้ความสนใจอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกับ คุณหมี – เสมอพร สังวาสี วัย 41 ปี อดีตผู้ติดเชื้อโควิดที่รอดมาได้โดยการรักษาตัวเองอยู่ที่บ้านด้วยการกินยาสมุนไพรไทย เธอ จะมีคำเนะนำอะไรบ้าง มาติดตามไปพร้อมๆกันค่ะ

อาการแรกเริ่มก่อนทราบผลตรวจ

ในวันที่ 6 กรกฏาคม 2564 คุณหมีได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มแรก หลังจากผ่านไปประมาณ 14 วัน เธอก็มีอาการคล้ายไข้หวัด จน ทำให้ต้องไปหาหมอ

พี่รู้สึกเจ็บคอก่อนที่จตรวจเจอเชื้อประมาณ 3-4 วัน ก่อนที่จะตรวจเจอเชื้อโควิดก็พยายามบ้วนปาก ด้วยลิสเตอร์รีนหรือน้ำเกลือ ก็ยังไม่หายหลังจากนั้นก็รู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นไข้ ตาร้อน ตัวรุมๆ จนวันหนึ่งกินข้าวแล้วรู้สึกว่ารสอาหารที่กินไม่เหมือนกับทุที ต่อมการรับรสค่อยๆลดลง จนรับรสไม่ได้ พี่จึงลองนำน้ำหอมมาฉีดที่มือ ก็พบว่าไม่ได้กลิ่นสักนิด

เมื่อเริ่มเป็นไข้จึงไปโรงพยาบาล คุณหมอก็ตรวจอาการเบื้องต้นเหมือนกับคนเป็นไข้หวัดทั่วไปและให้ยารักษาตามรักษาตามอาการ ได้แก่ ยาละลายเสมหะ ยาพาราเซตามอล ยาแก้ไอ ยาแก้ปวดเมื่อย กล้ามเนื้อ อีกทั้งคุณหมอยังแจ้งว่าให้หาจุดที่ตรวจโควิดไว้ ถ้ากินยาพวกนี้แล้วภายใน 3 วัน อาการยังไม่ดีขึ้น ก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นโควิด ซึ่งโรงพยาบาลที่ไปในตอนนั้นก็ไม่มีบริการตรวจโควิดชะด้วย

หลังจากกลับมาบ้าน กินยาตามที่คุณหมอสั่งใข้ก็ยังไม่ลดลง พี่เลยสั่งชื้อที่ตรวจโควิดแบบ Rapid Antigen Test ผลปรากฏว่าขึ้นสองขีดหรือติดเชื้อนั่นเอง พี่จึงประสานงานกับฝ่ายบุคคลของบริษัท พร้อมกับจองคิวสำหรับตรวจโควิดเพื่อขอเข้ารักษาตัวต่อไป ซึ่งตอนนั้นอยู่ในช่วงวิกฤต มี ยอดผู้ติดเชื้อสูงทุกวัน ทำให้ได้คิวตรวจอีก 4 วัน หลังจากนั้น

ป่วยไม่หนักสามารถทำ Home Isoiation ได้ยัง

ในช่วง 1-2 วันแรก คุณหมียอมรับว่าอาการค่อนข้าง สาหัส ประกอบกับความกังวลมากมายในการหาวิธีรักษา ที่สุด เธอตัดสินใจลงทะเบียน Home Isoiation กับทาง สปสช. ในระหว่างที่รออย่างร็จุดหมาย ก็ยังโชดดีที่เพื่อนของพี่สาวแนะนำ

การรักษาแบบแพทย์แผนทางเลือกจากสมาคมธรรมโอสถวัดสวนแก้ว จังหวัดนครสวรรค์ คุณหมีรีวิวอาการและการรักษาตัวเองในแต่วัน ดังนี้

หลังจากตรวจโควิดด้วย Rapid Antigen Test แล้ว ทราบว่าตนเองติดเชื้อโควิด 3-5 วันแรกมีอาการปวดตัว ปวด ตามข้อ มึนห้ว ยืนแล้วหน้ามืดจำเป็นลม ท้องเสีย เหนื่อยง่าย พี่เริ่มกินยาสมุนไพรตามคำแนะนำของคุณหมอแผนไทย โดยคุณหมอแผนไทยก็จะโทรมาเซ็กอาการทุกวัน ทั้งค่าอุณหภูมิร่างกาย ค่าออกซิเจน และอาการทั่วไป พี่ตรวจหาเชื้อโควิดอีกครั้งความชัวร์ ผลก็ยังออกมาเหมือนเดิมว่ามีเชื้อ

6-8 วัน เมื่อชื่อเข้าระบบสปสช. เรียบร้อย คุณหมอโทร มาถามอาการครั้งหนึ่งก่อนส่งยาฟาวิพิราเวียร์มาให้ที่บ้านเพราะเห็นว่าเรามีน้ำหนักตัวมาก ประกอบกับมีไข้ขึ้นสูงถึง 40องศา จึงถือเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงแต่ระหว่างการรับรสและ กลิ่นก็เริ่มค่อยๆกลับมา แม้ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม

9-11 วันระหว่างที่ยังรอเตียงของโรงพยาบาล พี่ยังคงรักษาตัวเองด้วยยาสมุนไพรต่างๆ ยาต้านเชื้อไวรัส ยาอมแก้ไอ วิตามินซีเพื่อภูมิคุ้มกัน นักษาวินัยในการกินอาหารและยาเช็ดตัวอย่างสม่ำเสมอ เพราะไข้ยังขึ้นๆลงๆอยู่ที่ 37- 38 องศาจนอาการโดยรวมดีขึ้นแล้วคงที่ในวันที่ 12 -13 การรับรสและกลิ่นกลับมาเป็นปกติ ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าได้เตียงรักษาแต่เราปฏิเสธไป เพื่อให้สิทธิ์คนที่มีอาการรุนแรงมากกว่า

สำหรับคนในครอบครัวที่อยู่ในบ้านเดียวกันเมื่อทราบว่าคุณหมีเป็นผู้ติดเชื้อโควิด แต่ละคนก็ได้ตรวจหาเชื้อตาม แต่ที่ได้เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะไม่มีคนอื่นในครอบครัวติดเชื้อเพิ่ม แต่ยังคงต้องคอยสังเกตอาการกันต่อไป เธอเผยรายละเอียดในการทำ Home Isoiation เพิ่มเติมว่า

ในระหว่างที่ทำ Home Isoiation คุณแม่จะเป็นคนทำอาหารวางไว้ในจุดที่ปลอดภัยกับคนในบ้าน แล้วพี่ต้องลงไปรับอาหารทุกวันซึ่งการเดินลงบันไดเพียงนิดเดียวก็ทำให้รู้สึกเหนื่อยมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โชดดีที่บ้านพี่มีสองชั้น สองห้องน้ำ ทำให้พี่ใช้พื้นที่ชั้นบนแยกกับคนอื่นๆ ได้อย่างสะดวก ภาชนะในการกินอาหารต้องแยกใช้ส่วนตัว เมื่อกินข้าวเสร็จพี่ก็ล้างภาชนะที่ชั้นบน ใส่ถุงมือ ฉีดแอลกอฮอล์ ก่อนนำไปวางคืนที่จุดเดิม แล้วคุณแม่ก็จะนำไปล้างใหม่อีกที

สำหรับวิธีการลดไข้ที่นอกจากใช้ยาแล้ว ไม่ควรอาบน้ำ ให้เช็ดตัวบ่อยๆแทน ก็จะยิ่งช่วยได้มากขึ้น อีกทั้งไม่ควรนอนเปิดแอร์หรือพัดลม ควรอยู่ในที่มีอากาศถ่ายเท ทำให้เหงื่อออก ขับสารพิษในร่างกาย ที่สำคัญพยายามอย่าให้เชื้อลงปอด หรือมีค่าออกซิเจนน้อยกว่า 95 ต้องวัดค่าออกซิเจนทุกวัน บ้วนปากและล้างจมูกด้วยน้ำเกลือทุกเช้า – เย็น

วันที่ 14 ที่ติดเชื้อ ผลตรวจ Rapid Antigen Test ออกมาเป็นลบ หลังจากนี้คุณหมอก็ยังให้กักตัวต่ออีก 14 วัน คุณหมออธิบายว่าเชื้อยังอญู๋ในตัวเราอีกประมาณ 8- 10 วัน ซึ่งในระหว่างนี้ถ้าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยง มีโอกาสที่จะรับเชื้อเข้ามารับแล้วเป็นอีกจริงๆแล้วยังไม่ควรไปตรวจเชื้อจากแล็บ เพราะอาจยังเจอเชื้ออยู่ ซึ่ง เชื้อที่แสดงผลออกมาจะเป็นเชื้อตายที่อยู่ในร่างกายของเราต่ออีกประมาณ 90 วัน และถ้าอยากเอก๙เรย์ปอดดูว่าปอดเสียหายหรือมีฝ้าขึ้นปอดไหมให้ไปตรวจหลังหลังจากนี้ 60 วันโดยใช้สิทธิ์ประกันสังคมได้ค่ะ

การใช้สมุนไพรรักษาโควิด

คุณหมีเน้นย้ำกับเราว่าการใช้ยาสมุนไพรมีทั้งข้อดีและข้อควรระวัง ฉะนั้นควรอยู่ในการดูแลของแพทย์แผนไทย เรียนรู้วิธีใช้อย่างถูกต้องก่อนนำไปรักษาอาการต่างๆ

คุณหมอแผนไทยให้ยาขมในการลดไข้ และยังมียาสมุนไพรที่ช่วยในการปรับธาตุมียาบำรุงปอดที่มาจากสมุนไพรไทย เพราะพี่ต้องกินสมุนไพรต่างๆคู่กับยาฟาวิพิราเวียร์จนครบโดส ยาสมุนไพรบำรุงปอดตัวนี้ก็จะไปช่วยบำรุงปอด ล้างสารพิษของยาที่ตกค้างซึ่งอาจส่งผลเสียต่อตับและไต หลังจากที่ตรวจไม่พบเชื้อแล้ว ที้องกักตัวต่ออีก 14 วันคุณหมอแผนไทยก็ยังคงให้พี่กินยาสมุนไพรต่อ แต่ลดปริมาณและจำนวนครั้งที่กินลงจนจบการรักษา

การกินยาสมุนไพรมีข้อห้ามในการกินพืชบางประเภท ได้แก่ ไช้เทา หน่อไม้ ฟักแตงต่างๆ รวถึงแตงโม น้ำสมสายชู ของหมักดองทุกชนิด เพราะพืชเหล่านี้สามารถไปล้างฤทธิ์ยาสุนไพรได้ และอีกสิ่งหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือฝึกขับถ่ายทุกวันให้เป็นปกติ เพื่อขับความร้อนและเชื้อโรคต่างๆออกจากร่างกาย

ช่วงแรกที่มีไข้เรายังไม่มีความรู้ในการใช้สมุนไพรมากพอ พี่ดื่มน้ำขิงทุกวัน ซึ่งตอนหลังคุณหมอแผนไทยบอกว่าถ้าใข้สูงไม่ควรดื่ม เพราะขิงมีฤทธิ์ร้อน จะยิ่งทำให้ร่างกายรู้สึกร้อน พี่เลยเลิกดื่มน้ำขิงแล้วหันไปใช้วิธีดมสมุนไพรเพื่อช่วยในการหายใจแทนโดยนำข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง ขิง เอาไปต้มรวมกันในหม้อสุกี้ เปิดหม้อ ให้ควันขึ้นมา แล้วสูดดมควันจากสมุนไพร

แม้ยังไม่ติดเชื้อ แต่ควรเตรียมรับมือ

ไม่มีใครรู้ได้ว่าสักวันเราอาจติดเชื้อโควิดหรือไม่ เพราะอย่างตัวคุณหมีเองก็ไม่ได้ติดเชื้อมาจากครอบครัว เพื่อนร่วมงานหรือคนใก้ลชิดเลยจนทุกวันนี้ก็ไม่รู้ตัวเองติดเชื้อมาจากแหล่งใดจึงยากให้ประสบการณืเธอเป็นประโยชน์ในการรับมือสถานการณ์โรคระบาดนี้

อย่าหวังรอพึ่งความช่วยเหลือจากภายนอกเพราะเราไม่รู้จะได้รับความช่วยเหลือเมื่อไร ในเมื่อมีผู้ติดเชื้อทุกวัน แต่เมื่อติดเชื้อ สิ่งแรกที่เราต้องทำก็คือหาวิธีไหนบ้างที่จะทำให้เราอยู่รอด ศึกษาความรู้ อ่านข้อมูลเยอะๆ หรือศึกษาจากคนที่เคยติดเชื้อมาก่อนว่าเขารักษาตัวเองอย่างไรบ้าง แล้วอย่าปิดกั้น การรักษาหรือคิดว่าต้องรักษากับแพทย์แผนปัจจุบันเท่านั้น ส่วนตัวพี่คิดว่าสมุนไพรดีนะ เพียงแต่เราต้องรู้วิธีกินแค่นั้นเอง

สำหรับคนที่ไม่ติดเชื้อก็อยากฝากไว้ว่าสติเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆต้องตั้งสติแล้วคิดรันวิธีการในสมอง หรือคอิดไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลยว่าวันหนึ่งถ้าเราติดเชื้อโควิดจะต้องทำอะไรก่อน-หลัง กักตัวที่ไหน ต้องแจ้งใครบ้าง ส่วนคนที่กำลังรักษาตัวอยู่ คนรอบข้างควรให้กำลังใจมากๆ เพราะผู้ป่วยมักเกิดความหดหู่ สุขภาพจิตแย่ สุขภาพกายก็จะยิ่งแย่ตาม มา ท่องไว้ว่าฉันจะต้องหาย ทำอะไรที่สร้างพลังใจให้ตัวเอง ไม่ควรเสพข่าวในช่วงที่ป่วยเลย เพราะจากประสบการณ์ จำทำให้เรารู้ สึกนอยด์ ยิ่งขึ้น พี่เชื่อว่าผู้ป่วยสีเขียวที่ไม่ได้มีอาการสาหัส ถ้าผ่าน 14 วันไปได้ก็มัโอกาสหายมากขึ้นค่ะ

การไม่ลังเลที่จะใช้แพทย์แผนทางเลือกในการรักษา พร้อมกับความเชื่อมั่นว่าตัวเองจะต้องหายจากโรคโควิด – 19 ทำให้คุณหมีผ่านพ้นวิกฤตนี้มาได้อย่างปลอดภัย

HOW-TO การดูแลรักษาตัวเองเมื่อติดโควิด

ด้วยความที่คุณหมีรักษาตัวเองจากจากโรคโควิดหายโดยไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล จึงได้สรุปวิธีการรักษาตัวเองลงในเฟชบุ๊กส่วนตัวคร่าวๆดังนี้

- แยกตัวเองออกจากทุกคนในบ้าน แต่ถ้าไม่สามารถแยกตัวเองออกมาได้จริงๆ ผู้ป่วยและทุกคนที่อยู่ร่วมกันต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ งดกินอาหารร่วมกัน

- ติดต่อโรงพยาบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอความช่วยเหลือ เรื่องเตียงและการรักษา

- ใครที่กินยาสมุนไพร ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษาอาการ ควรกินที่มีวิตามินชีสูง ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน กินอาหารที่มีกากใย เพื่อให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติและดื่มน้ำเยอะๆ

- ห้ามเป่าพัดลมใส่ตัว อย่านอนตากแอร์ ทำให้เหงื่อออกได้ยิ่งดี หรืออกกำลังกายเบาๆ แต่อย่าใช้แรงเยอะ เพราะปอดจะทำงานหนัก ทำให้หายใจลำบาก

- ถ้ามีไข้ห้ามอาบน้ำ ใช้วิธีเว็ดตัว โดยเซ็ดตัวแบบย้อนจากปลายมือปลายเท้าเข้ามาหาหัวใจ ให้หัวใจเป็นจุดศูนย์กลาง แต่ถ้าเหนียวตัวจนทนไม่ไหว ให้อาบน้ำอุ่นช่วงบ่ายหรือช่วงที่มีแดด

- กลั้วคอด้วยน้ำยาบ้วนปากหรือน้ำเกลือ และล้างจมูกด้วยน้ำเกลือทุกวันเช้า-เย็น เพื่อป้องเชื้อโรคลงปอด

- ดื่มน้ำอุ่นอณภูมิห้อง ห้ามดื่มน้ำขิง ห้ามกินของเย็นเพราะจะทำให้ไข้ไม่ลด

- นอนพักผ่อนเยอะๆ เพราะขณะนอนหลับจะทำให้ออซิเจนในเลือสูงขึ้น ถ้าหายใจไม่ออกให้นอนคว่ำ เอาต้นไม้ออกจากห้องนอน เพื่อป้องกันการคายก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ในตอนกลางคืนซึ่งทำให้เราหายใจไม่สะดวก

- อมยาอมแก้เจ็บคอรสหวานน้อย พร้อมกับฉีดสปรย์แก้ไอ (ถ้ามีอาการไอบ่อย)

- หมั่นวัดอุณหภูมิร่างกาย ซึ่งไม่ควรเกิน 37 องศา ถ้าไข้ไม่ลดให้กินยาลดไข้ เซ็ดตัวบ่อยๆ

นิตยสารชีวจิต ปีที่ 23 ฉบับที่ 552 1 ตุลาคม 2564

23 November 2564

By STY/Lib

Views, 2253

 

Preset Colors