02 149 5555 ถึง 60

 

การสร้างสุข ในการใช้ชีวิตและการทำงาน

การสร้างสุข ในการใช้ชีวิตและการทำงาน

บอกเล่าเก้าสิบ เรื่องโดย... นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ

สวัสดีปีใหม่ 2565

ในโอกาสนี้ ผมขอฝากข้อคิดและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับ

“การสร้างสุขในการใช้ชีวิตและการทำงาน” เป็นพรปีใหม่สำหรับผู้อ่านทุกท่าน

❶ หมั่นบริหารกาย จิต อารมณ์ และปัญญาเป็นประจำ ด้วยการออกกำลังกาย การเจริญสติและการทบทวนตัวเอง (มองตน) การรู้จักจัดการกับอารมณ์และความเครียด การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การนอนหลับให้เพียงพอ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และการฝึกลับสมอง การทำงานจิตอาสาช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรม และสิ่งที่ให้โทษต่อสุขภาพ นำพาให้มีสุขภาพดีทั้งกายใจ และสังคม มีสติและปัญญาแก่กล้าสมบูรณ์รู้เท่าทันตนเอง ผู้อื่น สิ่งแวดล้อม และสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ

❷ ใส่ใจเรียนรู้ให้เข้าใจเรื่อง “กลไกสมอง 3 ส่วน” ได้แก่ สมองส่วนหลัง (“สมองตะกวด”) สมองส่วนกลาง (“สมองสุนัข”) และสมองส่วนหน้า (“สมองมนุษย์”) ซึ่งทำหน้าที่เพื่อการอยู่รอด อยู่ร่วม และอยู่อย่างมีความหมายตามลำดับ ซึ่งสามารถทำควบคู่กันไปทั้ง 3 อย่างในคนทุกวัย ทุกฐานะและอาชีพ

การรู้เรื่องกลไกสมองที่มีอยู่ในตนเท่ากับการรู้จักตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การรู้ทันว่าตัวเองกำลังคิด พูด และทำด้วยสมองส่วนไหน

เมื่อรู้ทันก็จะหยุดใช้ “สมองตะกวด” (การคิดเอาตัวรอด) และ “สมองสุนัข” (การใช้อารมณ์) หันมาใช้สมองมนุษย์ (สติปัญญาและเหตุผล) แทนทันที ซึงเป็นไปโดยอัตโนมัติ ทำให้เรามีสติ รู้ตัว รู้ตน และคิดบวกในการทำอะไรทุกอย่าง รวมทั้งการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น นำพาให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้องดีงาม

❸ รู้จักเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคน รวมทั้งคนเล็กคนน้อย และคนที่มีอายุ ตำแหน่ง ฐานะ และอำนาจที่น้อยกว่าเรา

ด้วยตระหนักว่า ทุกคนมีกลไกสมองที่มีศักยภาพในการเรียนรู้และพัฒนาตลอดชีวิตให้เก่ง-ดี-มีความสุขได้ และมองว่าทุกคนมีดีในตัวเราก็จะได้เกียรติ เคารพ เปิดใจ ถ่อมตัว เรียนรู้ รับฟังคนทุกคน (การรู้จักฟังคนเป็น การเจริญสติให้รู้ตัว รู้ตน คิดบวกที่ดีวิธีหนึ่ง ซึ่งทำได้ทุกที่) ทำให้มีความเข้าใจ เข้าถึงกัน ลดช่องว่างระหว่างคนต่างวัย ต่างรุ่น ต่างวัฒนธรรม และต่างฐานะได้เป็นอย่างดี และส่งเสริมให้มีการอยู่ร่วมกันด้วยดี เกิดความร่วมใจร่วมมือและปัญญาร่วมในการทำกิจต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วง

❹ ในการทำงานทุกอย่าง ให้ใช้หลัก “ทำงานด้วยใจและทำงานเป็นยาใจ” คือมีใจรักงาน ด้วยการตระหนักรู้ในคุณค่าและเป้าหมายของการทำงาน

ขณะเดียวกันก็ใช้งานเป็นเวทีในการเรียนรู้ (ให้เกิดความเข้าใจตน เข้าใจคน เข้าใจงาน) และสานสัมพันธ์กับผู้คนทั้งปวง (ให้เกิดการเข้าถึง มีความรัก ผูกพัน เกื้อกูลกัน) ช่วยให้พัฒนางานให้ก้าวหน้า ยั่งยืน เอื้อให้ทุกคนมีคุณค่าและความสุข

❺ หมั่นเรียนรู้จากประสบการณ์มรการดำเนินชีวิตและการทำงาน ด้วยการมีสติ (คือ จิตที่นิ่ง-ช้า-ใส-ตื่น-รู้) กำกับอยู่เสมอ รู้ว่าอะไรดี อะไรควร ให้ลงมือทำทันที (3 ท.) และทบทวนทันที (4 ท.) ว่า “ได้ทำหรือยัง” “ทำแล้วมีอะไรที่น่าภูมิใจ” และให้กำลังตัวเอง มีอะไรที่ควรแก้ไขปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น”

ทุกคนมีกลไกสมองที่สามารถเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติหรือจากประสบการณ์ ด้วยหลัก “สุ. จิ. ปุ. ลิ. – ฟัง คิด ถาม เขียน” เป็นวงจร “ทำไป – ทบทวน – เรียนรู้ไป – ปรับปรุงไป” ก่อให้เกิดการพัฒนาตน พัฒนาความสัมพันธ์กับผู้อื่น และพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง

❻ มองเห็นด้วยตนเองถึงความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง อันเนื่องเพราะความผันแปรของเหตุปัจจัยซับซ้อนที่เกี่ยวข้อง

ตระหนักว่าทุกชีวิตและทุกสิ่งล้วนตกอยู่ในวงจร “เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป” ทำให้รู้จักปล่อยวาง ไม่ยึดติดในทุกสิ่ง ทั้งวัตถุ สิ่งของ เรื่องราว ผู้คน (รวมทั้งตัวเอง) ความรู้ ความเชื้อ ความคิด ความเคยชิน มีใจเป็นกลางในการมองสิ่งต่างๆ ให้ตรงตามที่เป็นจริง สามารถแก้ปัญหาหรือตอบสนอง (respond) ต่อสิ่งต่างๆ ไปตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่ตอบโต้ (react) ด้วยอคติ ความเคยชิน และ/หรืออารมณ์

❼ รู้จักใช้ชีวิตที่สมดุล พอเพียง มีความหมายและสันติสุข ด้วยการเข้าถึงความจริงของโลกและชีวิต และตระหนักในคุณค่าของชีวิตและการเรียนรู้ ซึ่งอาจกระตุ้นด้วยความคิด เช่น

“ชีพเรายาวหรือสั้น ไม่สำคัญเท่าคุณค่า”

“สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอ”

“ชีวิต คือ การเดินทาง ชีวิตคือ การเปลี่ยนแปลง ชีวิต คือ การเรียนรู้ การเรียนรู้ คือ ความสุข”

หมอชาวบ้าน ปีที่ 43 ฉบับที่ 513 เดือนมกราคม 2565

18 February 2565

By STY/Library

Views, 766

 

Preset Colors