02 149 5555 ถึง 60

 

วัคซีนป้องกันโรคสำหรับผู้สูงอายุ

วัคซีนป้องกันโรคสำหรับผู้สูงอายุ

เรื่อง ภญ.ณัฐพร ไขยะกิตติรัตนา

เนื่องจากผู้สูงอายุมีภูมิคุ้มกันร่างกายลดลงจนอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ เจ็บป่วยที่รุนแรงหรือมีโรคแทรกซ้อนง่ายกว่าวัยหนุ่มสาว ดังนั้น การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคในผู้สูงอายุ จึงมีความสำคัญ โดย

เฉพาะวัคซีนที่จำเป็นและแนะนำให้ฉีดในผู้สูงอายุมี 4 ชนิด ได้แก่

วัคซีนที่มีจำหน่ายในปัจจุบันเป็นวัคซีนรวมเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา 4 สายพันธุ์ ประกอบด้วย สายพันธุ์เอนและบี อย่างละ 2 สายพันธุ์ ซึ่งในแต่ละปีจะมีการผลิตวัคซีนที่คตรงกับชนิดของสายพันธุ์ตามที่องค์การอนามัยโลกประกาศคาดการณ์ว่าจะระบาดในประเทศโซนซีกโลกใต้ สำหรับประเทศไทยกระทรวงสาธารณสุขจะให้บริการฉีดชนิดนี้ฟรีให้กับผู้สูงอายุ (ตั้งแต่อายุ 65 ปีขึ้นไป) คำแนะนำ –ฉีดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ก่อนเข้าฤดูฝน แต่สามารถฉีดได้ตลอดทั้งปี ห้ามฉีดในผู้ที่มีประวัติแพ้ไข่รุนแรง

เมื่อเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอดคัสนิวโมเนียอีในระบบทางเดินหายใจ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงต่างๆ ตามมา เช่น การติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง เป็นต้นวัคซีนชนิดนี้มี 2 ชนิดที่ใช้ในผู้สูงอายุ คือ ชนิด 23 สายพันธุ์ (23-valent Pneumococcal Polysacharide Vaccine (PPSV-23)และชนิด 13 สายพันธุ์ (23- valent Pneumococcal Conjugate Vaccine (PCV-13)

คำแนะนำ – ฉีดยา PCV-13 1 เข็มและตามด้วยชนิด PCV-13 1 เข็ม ห่างกัน 8 สัปดาห์ นอกเหนือจากแนะนำฉีดในผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี ขึ้นไปแล้ว ควรฉีดในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงอื่นๆด้วย ได้แก่

1) ผู้ที่ไม่มีม้ามหรือม้ามทำงานบกพร่อง

2) ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้องรัง เช่นเบาหวานที่คุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ดี โรคหัวใจวายโรคปอดอุดกั้เรื้องรัง เป็นต้น

3) ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ได้รับยากดภูมิคุ้มกันยาสเตียรอย ขนาดสูงเปลี่ยนถ่ายอวัยวะหรือไขกระดูก

4) ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำหรือเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง

ในประเทศไทยยังพบการระบาดของโรคคอตีบเป็นระยะจึงแนะนำและส่งเสริมให้ฉีดวัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบและบาดทะยัก (Td) หรือ วัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก และไอกรนชนิดไร้เซลล์(Diphtheria – Tetanus – acellular Pertussis Vaccine : Tdap) เพื่อช่วยลดการเกิดแพร่เชื้อไอกรนจากผู้ใหญ่ไปสู่เด็กเล็กที่หากติดเชื้อแล้วจะมีอัตราการตายที่สูง

คำแนะนำ – Tdap ฉีด 1 เข็ม ครั้งเดียว และ Tdฉีด 1 เข็ม ทุก 10ปี

โรคงูสวัดเกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ (Varicella Zoster Virus)ซึ่งเป็นเชื้อตัวเดียวกับที่ก่อโรคสุกใสในเด็ก เมื่อร่างกายอ่อนแอลงหรือมีภูมิคุ้มกันลดลง จะทำให้เกิดภาวะปวดที่รุนแรงและเรื้อรังตามแนวเส้นประสาทภายหลังจากผื่นงูสวัดหายไปแล้ว(Post – herpetic Neuralgia : PHN)

คำแนะนำ – ฉีด 1 เข็ม ครั้งเดียว ห้ามฉีดในผู้ที่มีประวัติแพ้เจลาติน และนีโอมัยซินที่รุนแรงผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง หรืออยู่ระหว่างการได้รับยากดภูมิคุ้มกันหรือยาสเตียรอยด์ขนาดสูงและหญิงตั้งครรภ์

The Prestige of KCMH&MDCU(โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์) ปีที่ 7 ฉบับที่ 72 ประจำเดือน มีนาคม 2565

11 April 2565

By STY/Library

Views, 1319

 

Preset Colors